BKI กวาดเบี้ย Q1/63 โตฉลุย 25.3% เดินหน้า 5 กลยุทธ์มุ่งบรรลุเป้าทั้งปี 22,800 ล้านบาท

  

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร (CEO) บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2563 กรุงเทพประกันภัยมีเบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 หรือเท่ากับ 6,136.1 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจากการับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 328.5 ล้านบาท และรายได้สุทธิจากการลงทุน 459.7 ล้านบาท กำไรก่อนภาษีเงินได้ 788.2 ล้านบาท และเมื่อหักภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 668.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 6.28 บาท

ส่วนผลประกอบการไตรมาสสองมีแนวโน้มเป็นไปตามเป้าหมายแต่การเติบโตอาจแผ่วลงจากการได้รับผลกระทบของสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 และในครึ่งปีหลังคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันภัยที่ตั้งไว้ 22,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 โดยมีแผนและกลยุทธ์ทางธุรกิจที่รองรับโอกาสและความท้าทายดังนี้

1. การรักษาอัตราการต่ออายุและขยายฐานลูกค้ารายย่อยซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราการต่ออายุกรมธรรม์มากกว่า 90%

2. การรับประกันภัยงานภาครัฐ ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดีโดยคาดจะได้เบี้ยจากเมกะโปรเจกต์ประมาณ 80-100 ล้านบาท รวมกับเบี้ยประกันภัยข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ปี 2563 อีกประมาณ 400 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เข้าไปรับประกันฯ มากขึ้นจากร้อยละ 5.6 ของปีก่อนเป็นร้อยละ 14.6  ในปีนี้ ดังนั้นจะทำให้มีโอกาสเบี้ยเพิ่มขึ้นกว่า 500 ล้านบาท

3.การเล็งเห็นโอกาสของตลาดประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพที่ลูกค้าตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพและการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น บริษัทฯ จึงได้พัฒนาออกผลิตภัณฑ์กรมธรรม์ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครองครอบคลุมถึงประกันภัย COVID-19 (ประกันภัย 3 โรคกวนใจเพิ่มภัยโควิด) ซึ่งคาดจะทำเบี้ยประมาณ 50-100 ล้านบาท และได้นำบริการ Telemedicine เข้ามาให้บริการลูกค้าในปัจจุบัน และพร้อมจะขยายการให้บริการในรูปแบบใหม่เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้

4. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความคุ้มครองที่เหมาะสมกับพฤติกรรมและกำลังซื้อของลูกค้าในสภาวการณ์เช่นนี้ เช่นการออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ ราคาประหยัดคุ้มครองระยะสั้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การระบาด COVID-19 รวมทั้งการขานรับนโยบายของสำนักงานคปภ.ในการออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถผ่อนชำระเบี้ยได้สูงสุดถึง 180 วันการขยายความคุ้มครองให้ลูกค้าที่แจ้งหยุดใช้รถชั่วคราว

5.การขยายงานในตลาดอาเซียนที่มีแนวโน้มเติบโตจากการขยายการลงทุนของนักลงทุนไทยโดยคาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับต่อเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาท

นอกจากนี้แล้ว บริษัทฯ ยังได้เพิ่มการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องในการยกระดับคุณภาพการให้บริการ พร้อมรองรับ New Normal Lifestyle ด้วยการปรับเปลี่ยน Core Business System (CBS) ขยายการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Robotic Process Automation: RPA) มาปรับปรุงกระบวนการทำงานทั้งด้านรับประกันภัยและสินไหมทดแทนเพื่อให้ลูกค้าและคู่ค้าได้รับความสะดวกรวดเร็วขึ้นแล้ว บริษัทฯยังได้ตั้งเป้าเป็น Data Driven Organization โดยการปรับปรุงระบบ Enterprise Data Warehouse ของบริษัทฯ เพื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์อย่างถูกต้องและรวดเร็วทันต่อสถานการณ์สนับสนุนการทำงานและการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....