5 เทคนิคประหยัดเงินสำหรับ ประกันภัยรถยนต์ผู้สูงวัย

Cr.carinsurancecomparison

 

หลายคนตระหนักกันดีว่า การ “ประกันภัยรถยนต์ในกลุ่มวัยรุ่น” ที่แพงลิบลิ่วเกินความจำเป็นนั้น เมื่อเทียบกับการ “ประกันภัยรถยนต์ในผู้ขับขี่สูงวัย” ก็มีค่าใช้จ่ายที่ไม่แตกต่างกัน โดยบทวิเคราะห์ในเว็บไซต์ walmsleybaker ของสหราชอาณาจักร (UK) รายงานว่า การทำ “ประกันภัยรถยนต์ในผู้ขับขี่สูงวัย” ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีการจ่ายค่าเบี้ยประกันอยู่ในราคาที่ดีสุด เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยลงถึง 31%  และเมื่อเทียบกับ “ผู้ขับขี่สูงวัย” ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปจะมีค่าเบี้ยประกันแพงที่สุด เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นถึง 13%

ดังนั้น เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการเลือกซื้อ “ประกันภัยรถยนต์ของผู้สูงวัย” ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่น่าศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อประกอบการพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ดังต่อไปนี้

1.เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์และราคา จากหลาย ๆ บริษัทรับประกันภัย

เป็นขั้นตอนเบื้องต้นของการเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์และราคาในหลาย ๆ บริษัทประกันรถยนต์อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะแพ็จเกจเพื่อผู้ขับขี่สูงวัยที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป แม้ว่าจะมีรายละเอียดและเงื่อนไขที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ว่าราคา สิทธิพิเศษต่างๆ รวมถึงบริการเสริมจากหลายๆบริษัทจะช่วยดึงดูดความน่าสนใจให้ “ผู้ขับขี่สูงวัย” ได้อย่างน่าสนใจไม่น้อย

2.ใช้บริการผู้จัดหา หรือ โบรกเกอร์ที่เชี่ยวชาญ

ในกรณี “ผู้ขับขี่สูงวัย” ที่อายุ 70 ปีขึ้นไป ทุกคนตระหนักดีว่า ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีราคาแพง เพียงแต่ ผู้สูงวัยนั้นเลือกที่จะใช้บริการจากบริษัทรับประกันภัยโดยตรง หรือผ่านโบรกเกอร์ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยและทางเลือกที่ดี  แม้ว่าจะมีค่าบริการเสริมเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่อย่างน้อย โบรกเกอร์ที่เชี่ยวชาญจะสามารถช่วยแนะนำและช่วยตัดสินใจเลือกซื้อประกันภัยในราคาที่คุ้มค่าให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ โบรกเกอร์ที่เชี่ยวชาญจะมีความรู้ลึก  รู้กว้างและหมั่นอัพเดทข้อมูลใหม่ ๆอยู่เสมอ เช่น บริษัทรับประกันภัยรายใด มีแพ็คเกจใหม่ ๆ หรือแพคเกจพิเศษสำหรับผู้ขับขี่ที่มีอายุเกิน 70 ปี โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจโดยง่ายขึ้น นับเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ”ผู้ขับขี่สูงวัย” ที่มักหลงลืมเป็นประจำ

และอีกหนึ่งข้อดีของการใช้บริการ โบรกเกอร์ที่เชี่ยวชาญ ก็คือ ในบางกรณีที่ “บริษัทรับประกันภัยรถยนต์” มีเงื่อนไขมากมายเพื่อหาเหตุ เช่น ไม่ยอมจ่าย หรือซ่อมรถให้ ทางโบรกเกอร์จะสามารถเจรจาเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทั้งสองฝ่ายได้

อย่างไรก็ตามในบทความนี้ระบุด้วยว่า ในบางบริษัทที่รับประกันภัยรถยนต์ มีผลิตภัณฑ์สำหรับผุ้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีเงื่อนไขพิเศษ หรือข้อเสนอแนะที่ให้ “ผู้ขับขี่สูงวัย” ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น การกำหนดระยะทางที่อยู่ในระยะทางกับความสามารถของผู้ขับขี่ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นข้อดี คือ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถประเมินศักยภาพและความพร้อมของตนเองก่อนขับรถยนต์ เพราะนั่นหมายถึงหากเกิดอุบัติเหตุในจุดที่เกินกรอบเงื่อนไขกำหนด การจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันจะถือว่าเป็นโมฆะทันที เป็นต้น

3.ลดบริการเสริมที่ไม่จำเป็น

 จากผลการประเมินของโบรกเกอร์และบริษัทรับประกันภัยรถยนต์หลายแห่งในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ ระบุว่า  เพื่อให้ “ผู้ขับขี่สูงวัย” ได้ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในราคาที่ถูกลง ผู้ขับขี่สูงวัยจำเป็นต้องเช็คพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่า คุณไม่ได้จ่ายเงินที่ไม่จำเป็นต่อไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ซื้อความคุ้มครองการขับขี่ทั่วประเทศยุโรป เพราะตามหลักความเป็นจริงผู้สูงอายุจำนวนมากไม่นิยมขับรถในระหว่างที่เดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น   ดังนั้น หากตัดความคุ้มครองดังกล่าวออกไป ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าเบี้ยประกันได้มากขึ้นราว 10ของค่าเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่ายสำหรับแพ็คเกจผู้สูงอายุ  

 4.เลือกซื้อรถยนต์ขนาดเล็กลง

ด้วยค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์สำหรับผู้สูงอายุในวัยมากกว่า 70 ปี มีราคาจะแพงกว่าช่วงวัยขับขี่ปกติมาก  ดังนั้น “การเลือกรถที่ขนาดเล็กลง” จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้สูงอายุควรพิจารณาเพิ่มอีกประการ  ด้วยเพราะโดยทั่วไปแล้วขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กลงจะมี CC รถที่เล็กลงตามไปด้วย ทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ถูกลงตามไปด้วย เพราะบริษัทไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับราคาอะไหล่ที่แพงเหมือนรถหรูคันใหญ่

ยิ่งไปกว่านั้น รถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กลงยังให้ประโยชน์กับผู้ขับขี่สูงวัยได้มากกว่าที่คิด เช่น การหาจุดจอดรถที่สะดวก ง่ายขึ้นและประหยัดเวลา นอกจากนี้ รถยนต์คันเล็กยังช่วยลดความเสี่ยงบนท้องถนนได้ดี เนื่องจากสายตาของการมองระยะใกล้ ไกลของผู้สูงวัยเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น การเลือกรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กลงจึงเอื้อต่อการขับขี่และเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุได้มากกว่ารถยนต์ที่มีขนาดใหญ

5.จ่ายเพิ่มเพื่อป้องกันการอ้างสิทธิ์ภายหลัง

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญและคนส่วนใหญ่มักมองข้าม นั่นคือ การอ้างสิทธิ์เกี่ยวกับ “โบนัส” หรือ “บริการเสริม” อื่นๆ ที่นอกเหนือจากแพ็คเกจระบุ  เพราะเรื่องนี้ ใช่ว่า ผู้สูงอายุทุกคนที่ขับขี่รถยนต์จะมีความเข้าใจ ว่า ทำไมถึงต้องยอมจ่าย “ค่าเบี้ยประกันเพิ่ม” หรือ “ยอมจ่ายค่าบริการเสริม” อื่นๆ ที่อาจมีความจำเป็นในภายหลัง

เช่น การเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ บางครั้งอาจทำให้ผู้ขับขี่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 20% สำหรับกรณีที่ไม่ครอบคลุมในแพ็คเกจ แต่หากผู้ขับขี่สูงวัยเลือกที่จะจ่ายเพิ่มสำหรับโบนัสดังกล่าวพ่วงไปกับตอนที่ซื้อประกันภัยรถยนต์ ซึ่งอาจจะต้องจ่ายเพิ่มอีกเพียง 30 ปอนด์ หรือมากกว่านั้นเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นการช่วยป้องกันเหตุไม่ให้บริษัทรับประกันภัยเลี่ยงที่จะจ่ายประกันความเสียหายของรถยนต์ที่ผู้สูงวัยขับขี่ได้ในภายหลัง 

และนี่คือ 5 เทคนิคประหยัดเงินสำหรับการ ‘ประกันภัยรถยนต์ผู้สูงวัย” เพราะคนเราเมื่ออายุมากขึ้นและอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตแบบนี้ ความโรยราของร่างกายเริ่มชัดขึ้น การยอมมีค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อเครื่องป้องกันตัวเองในยามขับขี่ จึงเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักมากขึ้นจริงๆ .

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....