คปภ. ยก Mobile Unit ลงพื้นที่ชุมชนบ้านท่าสะท้อน อ.หลังสวน

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ได้นำคณะผู้บริหาร สำนักงาน คปภ. เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ผู้ไกล่เกลี่ยของสำนักงาน คปภ. ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต และผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย พร้อมภาคธุรกิจประกันภัย ลงพื้นที่ชุมชนบ้านท่าสะท้อน-ถ้ำเขาเงิน สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ชุมพร ตำบลท่ามะพลา อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองของการลงพื้นที่ตาม “โครงการ คปภ. เพื่อชุมชนปี 2”

ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร โดยมีนายสุทธิพันธ์ สุวรรณบัณฑิต ผู้นำชุมชนบ้านท่าสะท้อน พาเยี่ยมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของผู้คนภายในชุมชน

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้จัดเวทีเสวนาให้ความรู้ด้านประกันภัยภายใต้หัวข้อ “ประกันภัยน่ารู้ สู่ชุมชน” เป็นการให้ความรู้จากการถอดบทเรียนกรณีศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่เพื่อให้ชุมชนเข้าใจถึงบทบาทของระบบประกันภัยที่เข้ามาช่วยในการบริหารความเสี่ยง เช่น กรณีอดีตนักกีฬาเทนนิสทีมชาติมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจาก สำนักงาน คปภ. อาทิ นายชัยยุทธ มังศรี ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ นางคนึงนิจ สุจิตจร ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวางแผนและพัฒนากฎหมาย สำนักงาน คปภ. และนายกี่เดช อนันต์ศิริประภา ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยมีนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค เป็นผู้ดำเนินรายการ

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่ชุมชนบ้านท่าสะท้อนในครั้งนี้ นอกจากรับฟังสภาพปัญหาด้านประกันภัยของชุมชนแห่งนี้แล้ว ยังได้รับรายงานจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดชุมพร ด้วยว่า จังหวัดชุมพรเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการปลูกผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศมีการส่งออกจำนวนมาก และมีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง แต่สภาพภูมิประเทศของอำเภอหลังสวนมีความสุ่มเสี่ยงต่อการประสบภัยทางธรรมชาติ ส่งผลทำให้พืชผลทางการเกษตรและผลไม้ได้รับความเสียหาย จึงรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอหลังสวนเพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังพบว่าในจังหวัดชุมพรมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้รับความสนใจ จึงควรนำระบบประกันภัยทั้งประเภทที่กฎหมายบังคับและประเภทสมัครใจ เช่น กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ รวมทั้งกรมธรรม์ภาคสมัครใจ เช่น การประกันภัยอุบัติเหตุสำหรับผู้โดยสารแพ การประกันภัยท่องเที่ยว การประกันภัยสวนทุเรียน การประกันภัยบ้านพักอาศัย เพื่อให้กรมธรรม์ประกันภัยเหล่านี้เข้ามาบริหารความเสี่ยง และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น อันจะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความคุ้มครองด้วยระบบประกันภัยอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ทั้งนี้ จากการที่กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกคันต้องจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 พบว่าในพื้นที่อำเภอหลังสวนมีรถยนต์ที่จดทะเบียนสะสมจำนวน 37,765 คัน มีรถยนต์ที่จัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,602 คัน คิดเป็นร้อยละ 94.27 ของรถยนต์ที่มีการจดทะเบียนสะสม ในส่วนรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนสะสมจำนวน 24,991 คัน มีรถจักรยานยนต์ที่จัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 23,545 คัน คิดเป็นร้อยละ 94.21 ของรถจักรยานยนต์ที่มีการจดทะเบียนสะสม

ดังนั้นจึงขอชื่นชมประชาชนในพื้นที่ชุมชนบ้านท่าสะท้อน อำเภอหลังสวน ที่ปฏิบัติตามกฎหมายและให้ความสำคัญต่อการทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อบริหารความเสี่ยงให้กับตัวเองและครอบครัว โดย สำนักงาน คปภ. ได้มอบโล่เกียรติคุณยกย่องและจะได้ใช้เป็นโมเดลต้นแบบเพื่อรณรงค์การทำประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) รถจักรยานยนต์ 100% ต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ กลุ่มงานสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 02-515-3998-9 ต่อ 8307 โทรสาร 02-513-1437 http://www.facebook.com/PROIC2012

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....