7 ที่เที่ยวห้ามพลาดถ้ามาถึงลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
ทริป ท่องวิถีชุมชนเมืองชายแดน แหล่งอายธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เป็นอีกหนึ่งทริปที่สนุกไม่แพ้ทริปอื่นๆที่ไปมา เรียกว่าได้ตอบโจทย์วันแห่งความสุขได้อย่างสุขใจจริงๆ ไปแค่ 2 คืน 3 สามวันได้เที่ยวจุใจเลยขอเก็บ 7 แหล่งท่องเที่ยวชายแดนที่น่าสนใจถ้าใครมาถึงลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาแล้วไม่อยากให้พลาด
1.หมู่บ้าน “โหนด นา เล” ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา ไปเรียนรู้วิถีโหนด นา เล ซึ่งผู้คนที่นี่มีความผูกพันอยู่กับการทำตาลโตนด ทำนา และประมงมายาวนาน พวกเขาได้ช่วยกันสร้างสรรค์ชุมชนเป็น “แหล่งเรียนรู้วิถีชีวิต” และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม มาซื้อสินค้าของชุมชน ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มีรายได้มากถึง 7,000-10,000 บาทต่อเดือนจากการทำขนมและสบู่ที่มาจาก “ตาลโตนด”
ผศ. ดร.ชัยรัตน์ จุสปาโล ผู้อำนวยการแผนงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เล่าให้ฟังว่า “โหนด นา เล” มีผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคหลายอย่างที่ทำจากตาลโตนด เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลูกตาลโตนดมากที่สุดในประเทศไทย จึงร่วมกับชุมชนอนุรักษ์อู่วัฒนธรรมให้เป็น แหล่งเรียนรู้การทำขนมจากตาลโตนด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทำจากตาลโตนดเพิ่มเติม เช่น สบู่ โลชั่น แชมพู จนเป็นสินค้าโอทอป 4 ดาว ที่น่าภาคภูมิใจคือ แหล่งเรียนรู้แห่งนี้ได้ถูกบรรจุไว้ในเส้นทางท่องเที่ยวที่จะเสนอขายในงาน World Travel Market (WTM) เป็นงานแสดงสินค้าท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2559 นี้
2.ชมการแกะสลักหนังตะลุง ที่ศูนย์ศิลปะหัตถกรรมบางแก้ว มีบรมครูคือ ครูอิ่ม จันทร์ชุม เป็นบรมครูในการแกะสลักรูปต่างๆจากหนังวัว หนังควาย รวมถึงรูปเทวดา ฤาษีและเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถทดลองแกะสลักหรือเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากได้
3.หมู่บ้านทำโพน หรือกลองโพน ที่บ้านปรางค์หมู่ อ.เมือง จ.พัทลุง แหล่งเรียนรู้การทำโพนที่นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษานิยมมาเที่ยวกันมาก เป็นวัฒนธรรมที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น กลองโพนนี้มีความสำคัญในการใช้ตีเพื่อบอกข่าว ส่งสัญญาณ ปัจจุบัน วัดต่างๆ นำโพนมาใช้ตีเพื่อสัญญาณภายในวัดกันเกือบทั่วประเทศ ทำให้โพนที่นี่มีความผูกพันกับชีวิตของคนเมืองลุง(พัทลุง) มาตั้งแต่อดีต และช่วงเข้าพรรษาทั่วจังหวัดพัทลุงจะมีการแข่งขันตีโพนเพื่อหาผู้ชนะไปแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในเทศกาลออกพรรษาทุกปี
4.แสงแรกของเช้าวันใหม่ที่บ้านปากประ ต้องบอกว่า เป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพและนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว แสงแรกที่นี่ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ยิ่งวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีเมฆหมอก ซึ่งพวกเราโชคดีที่ได้เจออากาศดีแต่เช้า ฝนไม่ตก ทำให้ได้รับแสงแดดสีเหลืองอ่อนในยามเช้า ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นจริงๆ
ฟินที่สุดคือ ได้ล่องเรือหางยาวชมวิถีประมงในทะเลน้อย ทอดยาวข้ามทะเลสาปสงขลาเชื่อมต่อระหว่างบ้านหัวป่า ฝั่งระโนด จ.สงขลากับบ้านไสกลิ้ง อ.ควนขนุน จังหวัดพัทลุง ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบธรรมชาติยามเช้า เพลิดเพลินกับความสวยงามของดอกบัวในทะเลน้อย แต่เสียดายที่ไม่ได้ชมควายน้ำที่มักจะออกมาหากินในยามเช้า
คุณลุงขับเรือหางยาวบอกว่า ต้องมาแต่เช้าประมาณตี 5 กว่าๆ ถึงจะได้เห็นควายน้ำเต็มท้องทุ่งนา ส่วนชมดอกบัวสวยในทะเลน้อยก็ต้องมาชมเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ดอกบัวจะบานสวยมาก มีฝูงนกอพยพและนกท้องถิ่นเต็มทะเลสาป
5.เที่ยวชมตลาดริมน้ำคลองแดน ตั้งอยู่ใน อ.ระโนด จ.สงขลา เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวขึ้นรชื่อที่สงขลาใครมาสงขลาแล้วไม่แวะที่นี่เรียกว่า มาไม่ถึงแน่ ที่ตลาดน้ำแห่งนี้มีแม่น้ำ 2 สายเชื่อมกันระหว่างสงขลากับพัทลุง
ผศ. ดร.ชัยรัตน์ บอกว่า ที่นี่มีโฮมเสตย์ ได้มาตรฐาน ปลอดภัย เป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ถูกปรับปรุงเป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับตลาดน้ำคลองแดน พวกเราเดินตามสะพานหน้าโฮมเสตย์ไม่ไกลมากนักก็ถึงตลาดน้ำแล้ว
ตลาดน้ำแห่งนี้ผู้คนและนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันมาก คนจะคึกคักมากมายช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์-วันหยุดนักขัตฤกษ์ มีไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ที่แวะมาเที่ยว สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพิ่มจากการสร้างรายได้วันธรรมดาได้
6.ไปเที่ยวชมชุมชน Paya Guring (พญากูริง) อยู่รัฐปะลิส ประเทศมาเลซีย พวกเรานั่งรถตู้ จากเมืองหาดใหญ่ไปทางด่านปาดังเบซาร์แล้วผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นวิ่งประมาณ 40 กิโลเมตร ก็ถึง ชุมชนพญากูริง
การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่นี่ ดีตรงที่มีภาครัฐเป็นผู้ตรวจสอบคุมเข้มมาตรฐานของที่พักตามเงื่อนไข หากชุมชนผ่านเงื่อนไขภาครัฐแล้ว ทางภาครัฐจะจัดสรรงบประมาณสนับสนุนและให้ชุมชนบริหารจัดการกันเอง
โฮมเสตย์พญากูริง รองรับนักท่องเที่ยวแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวในแบบเชิงวิถีชุมชน ชอบที่จะเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ ของชาวมาเลเซีย ปัจจุบันคนที่มาพักและเที่ยวส่วนใหญ่มาจากเมืองหลวงของมาเลเซีย
7.เที่ยวชมพระราชวัง ARUA
และมัสยิดฮุสเซ็นที่สร้างในทะเล
ก่อนกลับเข้าไทยพวกเราได้แวะนั่งชิลชิลที่ร้านโรตี กาแฟ เย็นๆก็ออกเดินทางกลับถึงเมืองหาดใหญ่ ประมาณ 5 โมงเย็นนิดๆ ขึ้นเครื่องประมาณ 2 ทุ่ม ถึงกรุงเทพประมาณ 4 ทุ่ม
สรุปว่า เที่ยวทริปนี้บอกได้คำเดียวว่า เที่ยวสนุก กินอาหารพื้นถิ่นอร่อยๆ ฟินกับการดื่มด่ำธรรมชาติแล้ว ยังได้ความรู้ที่คุ้มค่าจากการไปสัมผัสการท่องเที่ยวตามวิถีชุมชนของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เชื่อมโยงอาเซียนเป็นอย่างมาก
โอกาสดีๆ แบบนี้ ขอขอบคุณ ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช รองผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมมุ่งเป้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ฝ่ายอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวตามวิถีอัตลักษณ์ชุมชน และเชื่อมโยงเมืองชายแดน ผศ. ดร.ชัยรัตน์ จุสปาโล ผู้อำนวยการแผนงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ และอีกหลายท่านมากมาย ที่ให้โอกาสมาสัมผัสวิถีชุมชน 2 เมือง ช่วงที่กำแพงอาเซียนเริ่มไร้พรมแดนขึ้นเรื่อยๆ สวัสดีค่ะ.
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
Blogger INNWhy Club : อยากเห็น…สังคมไทยวัยทำงาน…ใช้ชีวิตได้สมาร์ทช่วงวัยเกษียณ…มีสุขภาพกาย-ใจ-เงิน แข็งแรง… เริ่มวางแผนชีวิตด้วยการเก็บออมเงินอย่างถูกที่ถูกทางและมีวินัย…และหลังหยุดทำงานไปแล้ว…ยังมีเงินใช้อย่างเพียงพอไม่เป็นภาระลูกหลาน คนใกล้ชิด.