อลิอันซ์ อยุธยา เปิดผลประกอบการQ 1 เบี้ยรับปีแรกโต 6% เบี้ยรับรวมแตะ 7.9 พันล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ไตรมาสแรกของปี 2562 ตลาดประกันมีภาวะชะลอตัวจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจซึ่งส่งผลให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง อย่างไรก็ตาม อลิอันซ์ อยุธยา ยังสามารถโชว์ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยสามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 7.9 พันล้านบาท  โดยช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางสำคัญทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมจากช่องทางนี้ 3.1 พันล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์  2.4 พันล้านบาท และช่องทางขายตรง ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาด ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 1.2 พันล้านบาท  ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี เติบโต 6 % อยู่ที่  1,350 ล้านบาท  มาจากช่องทางตัวแทน 463 ล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์  250 ล้านบาท และ ช่องทางขายตรง 510 ล้านบาท

ตลาดประกันชีวิต โดยเฉพาะประกันสุขภาพยังมีแนวโน้มไปได้ดี เพราะประเทศไทยยังมีอัตราการถือครองกรมธรรม์ที่ต่ำ มีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก และประชาชนไทย จำนวนมากเริ่มเห็นความสำคัญและความจำเป็นของการมีประกันสุขภาพมากขึ้น ดังนั้น เราเชื่อว่าในปี 2562 นี้ ถึงแม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย อลิอันซ์ อยุธยา จะยังคงเติบโตโดยเฉพาะในธุรกิจประกันสุขภาพ และมุ่งเป็นผู้นำในด้านความคุ้มครองในประเทศไทยต่อไป” คุณไบรอันกล่าวเสริม 

ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักใน บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2562 เติบโตแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจต่างๆ และกลยุทธ์ที่ดำเนินต่อเนื่อง ที่ก้าวหน้าต่อเนื่อง ขณะที่การเติบโตของรายได้ภายใน ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินและการควบรวมกิจการแล้ว อยู่ที่ 7.5% รายรับรวมเพิ่มขึ้น 9.1% แตะ 40.3 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.45 ล้านล้านบาท) (จาก 36.9 พันล้านยูโรในปี 2561) กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7.5% มาอยู่ที่ 3.0 พันล้านยูโร (ประมาณ 1 แสนล้านบาท) (จาก 2.8 พันล้านยูโร) ส่วนใหญ่เป็นผลจากธุรกิจประกันวินาศภัยที่มีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น จากการจ่ายสินไหมที่ลดลงเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติลดลง และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น กำไรจากการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต / สุขภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลจากส่วนบวกเพิ่มและค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น โดยผลกำไรที่ดีกว่าช่วยชดเชยผลกำไรจากการลงทุนที่ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ลดลงเล็กน้อย

“ลูกค้าของเรา ยังคงมองหาผลิตภัณฑ์ละบริการที่เป็นเลิศ ซึ่งเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และแม้ว่าจะมีความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง เรายังคงอยู่ในจุดที่แข็งแกร่ง สามารถพัฒนาและเติบโตธุรกิจภายใต้มาตรฐานอลิอันซ์ทั่วโลก โดยเฉพาะในไตรมาสแรก กลุ่มอลิอันซ์ สร้างผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง เรามั่นใจว่าจะสามารถพิชิตเป้า กำไรจากการดำเนินงานที่ 11.5 พันล้านยูโร หรือประมาณ 4.1 แสนล้านบาท (บวกลบไม่เกิน 500 ล้านยูโร หรือประมาณ 18,030 ล้านบาท) ภายในสิ้นปีแน่นอน” โอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าว” โอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าว

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....