หากร่างกายของเราได้รับกัญชาหรื
นพ.ยศวีร์ อรรฆยากร อายุรแพทย์โรคหัวใจและสรีระไฟฟ้
สำหรับกัญชาที่ในขณะนี้
คำแนะนำในการใช้กัญชาให้
ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ สตรีที่ให้นมบุตร แม้กัญชาจะสามารถนำมาใช้เพื่
แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก เวียนศีรษะ หูแว่ว เห็นภาพหลอน ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ผลิตภั
นอกจากการใช้กัญชาที่จะส่งผลต่
ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงการบริ
การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจั
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (12-Lea
d Electrocardiography, ECG or EKG) เป็นการตรวจมาตรฐานของหัวใจ โดยวัดการทำงานของไฟฟ้าในหัวใจ สามารถตรวจได้ทันที เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหั วใจเต้นผิดจังหวะมานานพอก่ อนมาถึงโรงพยาบาล และสามารถตรวจสุขภาพหั วใจประจำปีในผู้ที่ไม่มีอาการผิ ดปกติใด ๆ ได้ด้วย - เครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจต่
อเนื่อง 24 – 48 ชั่วโมง (Holter Monitoring) เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้บันทึกคลื่นไฟฟ้าหั 24 – 48 ชั่วโมง โดยผู้ป่วยจะติดเครื่องบันทึวใจตลอด กไว้ติดตัวตลอดเวลา เครื่องจะสามารถตรวจพบความผิ ดปกติของการเต้นของหัวใจได้แม้ ไม่มีอาการ เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหั วใจเต้นผิดจังหวะทุกวันหรือเกื อบทุกวันในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่นาน ก่อนมาถึงโรงพยาบาล - เครื่องบันทึกการเต้นของหั
วใจชนิดพกพา (Event Recorder) เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีลักษณะคล้ายโทรศัพท์ 2 – 3 ครั้ง มีข้อจำกัดคือผู้ป่วยที่เป็มือถือสามารถพกพาไปที่ต่าง ๆ ได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการให้นำเครื่ องมาทาบที่หน้าอกแล้วกดปุ่มบั นทึก เครื่องจะบันทึกคลื่นไฟฟ้าหั วใจขณะที่มีอาการแล้วส่งข้อมู ลผ่านโทรศัพท์พื้นฐานที่บ้ านมายังโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉั ยโดยละเอียด วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มี อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะไม่บ่อย เดือนละประมาณ นลมหมดสติกรณีที่เป็นหัวใจเต้ นผิดจังหวะจะไม่สามารถตรวจด้ วยวิธีนี้ได้ - เครื่องบันทึกการเต้นของหั
วใจชนิดฝังใต้ผิวหนัง (Implantable Loop Recorder, ILR) มีขนาดเล็กลักษณะคล้าย USB Flash Drive แพทย์จะฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอกด้านซ้าย จากนั้นเครื่องจะบันทึกการเต้ นของหัวใจอย่างต่อเนื่อง โดยเก็บคลื่นไฟฟ้าหัวใจเฉพาะช่ วงเวลาที่หัวใจเต้นผิดจั งหวะตามที่ได้โปรแกรมไว้ก่อนหน้ าหรือเมื่อผู้ป่วยต้องการเท่านั้ น เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหั วใจเต้นผิดจังหวะนาน ๆ ครั้ง แต่อาการค่อนข้างรุนแรง อาทิ ผู้ป่วยหมดสติแบบไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น - การตรวจวัดสมรรถภาพหั
วใจโดยการเดินสายพาน (EST: Exercise Stress Test) เป็นการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังด้วยการเดิ (Treadmill) เพื่นบนสายพานเลื่อน อกระตุ้นภาวะหัวใจเต้นผิดจั งหวะขณะออกแรง เหมาะกับการตรวจวินิจฉัยผู้ป่ วยที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือใจสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ และยังช่วยตรวจวินิจฉัยภาวะกล้ ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลั นได้ด้วย - การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้
อนความถี่สูง (Echocardiogram)สามารถตรวจดูความผิดปกติ ทางโครงสร้างของหัวใจ ทั้งขนาด รูปร่าง ลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อหั วใจและลิ้นหัวใจ เพื่อตรวจวินิจฉัยความผิดปกติ ของหัวใจ เช่น ผนังกั้นหัวใจหนาตัวผิดปกติ ห้องหัวใจโต ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วผิดปกติ ผนังกั้นหัวใจรั่ว เป็นต้น - การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ
(Electrophysiology Study) เป็นการตรวจการนำไฟฟ้าของหัวใจเพื่อหาความผิดปกติ ของการเต้นของหัวใจ โดยแพทย์ จะตรวจการทำงานของระบบไฟฟ้าในหั วใจและกระตุ้นให้เกิดหัวใจเต้ นผิดจังหวะขึ้นเพื่อให้ ทราบสาเหตุที่แท้จริง วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่ สามารถตรวจหาความผิดปกติด้วยวิ ธีอื่น ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ สำหรับแนวทางการรักษาโรคหั
วใจเต้นผิดจังหวะ หลังจากได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ เฉพาะทางด้านหัวใจเป็นที่เรี ยบร้อยแล้วแพทย์จะประเมินทางเลื อกการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่ วยแต่ละรายได้แก่
- การใช้ยาเพื่อปรับจังหวะและอั
ตราการเต้นของหัวใจ (Antiarrhythmic Drug) ให้ใกล้เคียงระดับปกติ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ลดภาวะแทรกซ้อน และลดความรุนแรงที่จะนำไปสู่การเสียชีวิต - การช็อกหัวใจด้วยกระแสไฟฟ้า (
Electrical Cardioversion) เพื่อปรับจังหวะการเต้นของหัวใจให้กลั บมาเต้นในอัตราที่ปกติ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อน และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต - การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจั
งหวะด้วยการจี้ด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency Catheter Ablation, RFCA) แพทย์จะใช้สายสวนหัวใจตรวจหาตำแหน่งความผิดปกติ (3D Mapping) เพื่อให้มองเห็นตำแหน่ภายในหัวใจ จากนั้นจะทำการจี้ด้วยคลื่นวิ ทยุที่เปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้ าไปเป็นพลังงานความร้อนเข้าไปตั ดวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติในหัวใจ ปัจจุบันมักใช้ร่วมกับระบบสามมิ ติ งได้ชัดเจน ลดความเสี่ยงต่อการเกิ 90% โดยจะต้องรัดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นกั บผู้ป่วย ช่วยเพิ่มโอกาสและความสำเร็ จในการรักษาผู้ป่วยหัวใจเต้นเร็ วผิดจังหวะ ซึ่งวิธีนี้มีโอกาสรักษาสำเร็ จสูงมากกว่า กษากับแพทย์เฉพาะทางด้านสรี ระไฟฟ้าหัวใจที่มีความชำนาญการ - การผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหั
วใจแบบถาวร (Permanent Pacemaker) แพทย์จะฝังเครื่องที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ไหปลาร้า เพื่อช่วยให้การเต้นของหัวใจสม่ำ เสมอ ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น วิธีนี้ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมี ภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติ หรือหัวใจหยุดเต้นเป็นช่วง ๆ - การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้
าหัวใจอัตโนมัติชนิดถาวร (Automated Implantable Cardioverter – Defibrillator, AICD) แพทย์จะฝังเครื่องบริเวณหน้าอกเพื่อช่วยตรวจจับสั วิธีญญาณไฟฟ้าหัวใจและช็อกไฟฟ้าหั วใจทันทีที่ผู้ป่วยมีภาวะหั วใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจั งหวะเพื่อให้จังหวะการเต้นของหั วใจกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว นี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีกล้ ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนกำลัง และผู้ป่วยที่มีหัวใจห้องล่ างเต้นเร็วผิดจังหวะ - การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้
าและช่วยการบีบตัวของหัวใจ( Cardiac Resynchronization Therapy – CRT) เพื่อกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจห้องล่างซ้ายและขวาให้บีบตัวได้ สอดคล้องกัน ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มี การบีบตัวของหัวใจน้อยและมี ความเสี่ยงหัวใจล้มเหลว การป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะที่
ดีที่สุดคือ ออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30 – 45 นาทีต่อวัน 3 – 5 วันต่อสัปดาห์ กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด มันจัด เค็มจัด หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่ 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่เครียดจนเกินไป ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี สำหรับคนที่มีโรคประจำตัางน้อย วควรตรวจติดตามอาการกับแพทย์อย่ รพ.หัางสม่ำเสมอ ถ้าเกิดรู้สึกว่าหัวใจมีอาการผิ ดปกติควรเข้ารับการรักษาและปรึ กษาอายุรแพทย์โรคหัวใจทันที สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ วใจกรุงเทพ โทร. 02-310-3000 Contact Center โทร. 1719 หรือ Heart Care LINE Official: @hearthospital
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com