ธุรกิจฮ่องกงเสียหายหนักหลังประท้วงรุนแรง ประกันไม่คุ้มครองความเสียหายจาก “จลาจล”

มีรายงานจากรอยเตอร์ว่า ธุรกิจในฮ่องกงน่าจะต้องจ่ายเงินไปกับความเสียหายที่เกิดจากการประท้วงที่รุนแรงที่สุดในความทรงจำในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่ได้ทำประกันสำหรับการ “จลาจล”เอาไว้

ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กได้รับความเดือดร้อนจากการขว้างปากระจก การพ่นสีสเปรย์ และแม้แต่การจุดไฟเผา เพราะผู้ประท้วงเข้าใจว่าได้สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ การขึ้นป้ายสนับสนุนตำรวจ ของร้านวิดีโอเกมเล็กๆ แห่งหนึ่งในเขตนิวเทอร์ริเทอรี่ส์ ได้ทำให้ร้านนี้ถูกทำลายถึงสี่ครั้งในเดือนนี้

เจ้าของร้านยังไม่รู้ว่าจะได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันหรือไม่แต่คาดว่ามีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินชดเชย เพราะว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากความไม่สงบในสังคม ซึ่งบริษัทประกันมักไม่คุ้มครองความเสียหายจากการจลาจล

ในขณะที่ธุรกิจต่างๆได้พากันไปเรียกค่าเสียหาย แต่น่าจะมีไม่เพียงกี่รายที่ได้รับเงินชดเชยทั้งหมดเนื่องจากประกันในฮ่องกงมักคุ้มครองต่อเหตุการณ์อย่างเช่น ไฟไหม้ และภัยธรรมชาติ เช่น พายุไต้ฝุ่น มากกว่า

ผู้ที่อยู่วงในอุตสาหกรรมประกันกล่าวว่า ความคุ้มครองที่มีต่อการเกิดความไม่สงบในสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ไม่ใช่เรื่องธรรมดาในฮ่องกง

ฮ่องกงเป็นตลาดที่ทำกำไรให้กับบริษัทประกันระดับโลกอย่างเช่น บริษัททอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงซ์(เอไอเอ) แอกซ่า เอสเอ และ ซูริค อินชัวรันซ์ กรุ๊ป เอจี มูลค่าเบี้ยประกันเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)อยู่ที่ 18.16% ซึ่งสูงเป็นที่สองของเอเชียแปซิฟิกโดยรองจากไต้หวันเท่านั้น

ผลการศึกษาของ สวิสรี ชี้ว่า ปริมาณกรมธรรม์ประกันทั้งหมดในฮ่องกงในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 8.3% เป็น 66,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นอัตราที่โตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่พัฒนาแล้ว ซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

บริษัทประกันในฮ่องกง คาดการณ์ว่าในระยะใกล้นี้ จะมีการขอความคุ้มครองที่รวมถึงความเสียหายจาการจลาจลเพิ่มมากขึ้น และน่าจะกระทบต่อกำไรบริษัทประกัน โดยน่าจะต้องหมดเงินไปกับการจ่ายค่ายกเลิกงาน และดีมานด์ในการทำประกันการเดินทางก็ลดลง และในขณะเดียวกันน่าจะได้รับผลกระทบจากจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ทนายความด้านประกัน ของบริษัทกฏหมายระดับโลกแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ความเสียหายทางการเงินโดยรวมจากเหตุการณ์เหล่านี้ จะค่อนข้างมากและ ทั้งบริษัทประกันและธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมรับมือต่อสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นจึงคาดว่าจะได้เห็นการฟ้องร้องที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับสิ่งที่ได้รับการคุ้มครองและสิ่งที่ไม่รับการคุ้มครอง และน่าจะมีแรงกดดันต่อกำไรของบริษัทประกันภัยเนื่องจาก รายได้จากเบี้ยประกันลดลง และมีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายมากขึ้น

ผลกระทบทางการเงินของการประท้วงยังไม่สามารถกำหนดได้เนื่องจากยังคงเกิดความไม่สงบอยู่ แต่ผู้บริหารบริษัทประกันภัยสองรายกล่าวว่า บริษัทประกันอาจจะมีหนี้เป็นเงินหลายล้านดอลลาร์

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดกับบริษัท เอ็มทีอาร์ คอร์ป ผู้ประกอบการสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันทั้งหมด และการที่บริษัทไม่สามารถฟื้นฟูต้นทุนเช่นนั้นได้ น่าจะทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทลดลง

โบรกเกอร์บริษัทประกันภัยในฮ่องกง กล่าวว่า บริษัทประกันทรัพย์สินในฮ่องกงได้ทำกำไรมานานกว่า 20 ปีแต่หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นที่มีอานุภาพรุนแรงสองลูกเข้าถล่มในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กำไรทั้งหมดในช่วง 20 ปี ได้หายไป นั่นคือเหตุผลว่าทำไมปี 2562 จึงเป็นปีที่ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในการคุ้มครองทรัพย์สิน แม้ว่าโชคดีที่ในปีนี้ไม่มีพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เข้าฮ่องกง แต่ก็โชคร้ายที่มีการจลาจลเกิดขึ้น.

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....