“เหล่าทหาร” แห่ตบเท้า”ออมเงินเดือนเพิ่ม” เก็บเงินล้านหลังเกษียณ

 ผศ.ดร.ภูมิสิทธิ์ มหาสุวีระชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติและสถาบันวิจัยประชากรและสังคมระบุว่า สถานการณ์การออมของครัวเรือนไทยในปัจจุบันค่อนข้างน่าเป็นห่วง ประมาณร้อยละ 83 ของครัวเรือนไม่ได้มีการออมเงินประจำ และร้อยละ 26 ไม่มีเงินออมเลย แม้จะมีการรณรงค์สร้างความตระหนักและให้ความรู้เพื่อส่งเสริมการออม แต่อัตราการออมของครัวเรือนไทยยังคงอยู่ในอัตราต่ำและมีการออมน้อยมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจะนำไปสู่ปัญหาตอนที่เกษียณอายุกัน ดังนั้น การให้ข้อมูลและความรู้อย่างเดียวไม่พอ คนส่วนใหญ่รู้ว่าการออมดีและมีประโยชน์อย่างไร แต่ก็ไม่สามารถบังคับตนเองให้มีวินัยในการออมได้  ต้องหาวิธีการอื่นเพื่อที่จะให้คนออมเพิ่มขึ้นให้ได้ จึงเป็นที่มาของการเริ่มโครงการออมจากเงินอนาคต ที่กองพันที่ กรมทหารราบที่ จ.ขอนแก่น

ทั้งนี้ จากการศึกษาพฤติกรรมของคน พบว่า  คนจะให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากกว่าอนาคต การใช้เงินในปัจจุบันสามารถสร้างประโยชน์และให้ความพึงพอใจได้ทันที แต่ผลประโยชน์ที่ได้จากการออมเกิดในอนาคต คนโดยส่วนใหญ่จึงละเลยหรือบังคับตนเองให้ออมได้ยาก เหตุนี้เราจึงเปลี่ยนแนวความคิดในการออมเงินใหม่ โดยไม่ดึงเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันมาออมเพิ่ม แต่เปลี่ยนมาเป็นดึงเงินจากอนาคตมาออมเพิ่มแทน นั่นก็คือเงินเดือนที่ทหารหน่วยนี้จะได้ในอนาคต โดยหักจากส่วนเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นมาออมเพิ่มทุกเดือน เงินเดือนที่เพิ่มมาก็ยังได้ใช้จากส่วนต่างที่เหลือจากเงินที่ได้หักเข้าสมทบเงินออมแล้วการใช้รายได้จากอนาคต เพื่อเพิ่มการออม มีผลทางจิตวิทยา สองส่วนหลักคือ ทำให้ไม่ต้องลดรายจ่ายในปัจจุบัดังนั้นไม่ต้องตัดสินใจและปรับเปลี่ยนอะไรในปัจจุบัน

ประเด็นที่สองเงินที่จะได้ในอนาคตยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง (ยังไม่ได้จริง) คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญ ดังนั้นการตัดสินใจเพื่อให้หักเงินบางส่วนจากเงินเดือนที่เพิ่มในอนาคตเพื่อมาเพิ่มการออมจึงเป็นเรื่องที่ง่าย การเข้าร่วมโครงการนี้เป็นไปตามความสมัครใจ ซึ่งทุกนายที่เข้าร่วมโครงการไม่มีใครมาแสดงความจำนงที่จะออกจากโครงการแสดงให้เห็นว่าโครงการนี้สามารถจูงใจให้ทหารหน่วยนี้ออมเพิ่มได้จริง ๆ  

“ก่อนเริ่มดำเนินโครงการ จากข้อมูลย้อนหลัง 4-5 ปี พบว่าออมขั้นต่ำก็ยังคงออมเดือนละ 700 บาทเท่าเดิม ทั้งที่เงินเดือนเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นแนวทางการดำเนินงานเมื่อทุกนายเงินเดือนเพิ่มขึ้น ค่าเฉลี่ยประมาณ 4.5 จากฐานปัจจุบันก็เอาเงินเพิ่มจากที่ปรับขึ้นมาออมในสัดส่วนร้อยละ 10 -15- 20 ตามความสมัครใจของแต่ละนายที่ต้องการให้หักในอัตราส่วนร้อยละเท่าไหร่ และนับไปในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นอายุราชการเฉลี่ยของหน่วยทหารแห่งนี้ โปรแกรมจะคำนวณเห็นเลยว่าเขาจะมีเงินเก็บเมื่อวัยเกษียณเท่าไหร่  ซึ่งในอัตราร้อยละ 10-15 นายทหารส่วนใหญ่จะมีเงินออมวัยเกษียณอยู่ที่คนละ 1,000,000 บาท และถ้าออมร้อยละ 20 เงินออมในอนาคตก็จะสูงขึ้นไปอีก การดึงเงินออมจากอนาคตในโครงการนี้นั้นเราวางไว้ที่ อัตราคือ ร้อยละ 10 15และ 20 เพราะอยากรู้ว่าในการที่จะดึงเงินในอนาคตมาออมนั้นจะจูงใจได้หรือไม่ จึงกำหนดรูปแบบไว้ที่ อัตราดังกล่าว จุดนี้ทำให้ทหารหน่วยนี้สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างมากและมีทหารหน่วยข้างเคียงประสานขอเข้าร่วมโครงการ หรือการจัดทำโครงการเฉพาะของแต่ละหน่วยเพิ่มขึ้นด้วย”  

ผศ.ดร.ภูมิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า จุดเด่นของโครงการ คือ หนึ่ง สามารถจูงใจให้คนออมเพิ่มได้จริง สองทำได้ไม่ยาก  และสามแทบไม่ต้องใช้งบประมาณอะไรเลย มีคอมพิวเตอร์และโปรแกรมเอกเซลก็สามารถทำงานได้แล้ว สำหรับผลตอบรับของโครงการเป็นไปตามที่คาดการณ์ คือ นายทหารทั้งหมดยังอยู่ในโครงการ นับเป็นหลักการในการเพิ่มการออมที่ง่ายแต่ได้ประโยชน์ชัด หลังจากประสบความสำเร็จจากที่นี่ คณะฯก็อยากจะขยายโครงการไปยังหน่วยงานอื่นๆ สำหรับหน่วยงานที่สนใจอยากนำโครงการลักษณะนี้ไปขยายยังหน่วยงานของตน สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร.081-6299772

ด้าน พ.ต.อนุชา มหาลีวีรัศมี นายทหารประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก กล่าวว่า  จากการสำรวจในหมวดของเงินออม ในการดำเนินงานของสหกรณ์ประจำหน่วย ที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2531 โดยในปี 2557-2558 กำลังพลที่เกษียณอายุราชการ หรือสมัครใจออกจากการรับราชการ มีเงินเก็บสะสมค่อนข้างน้อย ในฐานะผู้นำหน่วยคิดว่าถ้ายังคงใช้วิธีเดิมในการออมเงินเช่นในอดีต จะมีเงินเก็บไม่พอเพียงค่าใช้จ่ายในอนาคต โดยเฉพาะหลังสิ้นสุดการรับราชการ หากไม่มีแผนการออมเงิน ที่มีประสิทธิภาพ อาจจะเกิดปัญหาได้

การสร้างแรงจูงใจในการออม เริ่มต้นจากการชี้ให้เห็นว่าปัญหาในอดีตเกิดอะไรขึ้น ในอนาคตเราจะไปอย่างไร วิธีการนำเสนอ คือ การใช้รูปแบบกราฟที่หน่วยฯได้ประสานงานกับ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาแสดงให้กำลังพลทุกคนเห็นว่าถ้าเราใช้วิธีเงินออมแบบเดิม เมื่อเกษียณแล้วจะมีเงินเก็บเพียงแค่ 200,000 -300,000 บาท แต่ถ้าเข้าร่วมโครงการออมเงินจากอนาคต ระยะการออม 20-30 ปี โดยเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายกำลังพลอายุน้อยที่เพิ่งเข้ารับราชการไม่นาน

ทั้งนี้กองทัพบกจะขึ้นเงินเดือนปีละ ครั้ง เริ่มโครงการนี้ปลายปี 59 ตอนนี้เงินเดือนขึ้นมา ครั้งแล้ว โดยเงินเดือนเพิ่มรอบแรก 675 บาท (ฐานเงินเดือน 15,000 บาท ค่าเฉลี่ยเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5)  ร้อยละ 20 ของ 675 บาท คือ 135 บาท  เดิมที่ทหารแต่ละนายต้องออมในสหกรณ์ฯเดือนละ 700 บาท บวก 135 บาท ก็จะออมเพิ่มเดือนละ 835 บาท ออมแบบนี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสียอะไร ไม่ต้องลดการบริโภคในปัจจุบัน และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นก็ยังได้รับเช่นเดิมเพียงแต่หักส่วนหนึ่งที่เพิ่มมาเข้าสมทบเงินออม ดังนั้น ทุกครั้งที่เงินเดือนเพิ่ม จำนวนเงินออมต่อเดือนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยในทุกๆปี จนถึงวันเกษียณอายุราชการก็จะมีเงินเก็บมากกว่าการออมแบบเดิม”

 จ.ส.อ.พงศ์พันธ์ พงษ์จอหอ รองผู้บังคับหมวดปืนเล็ก  กล่าวว่า รูปแบบการออมเงินจากอนาคต เป็นแนวทางที่ดี เพราะไม่รู้สึกว่าต้องใช้จ่ายลดลง ต้องกระเบียนกระเสียนตัวเองเพื่อให้มีเงินออมมากขึ้น ส่วนเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นก็ยังได้ใช้แม้ส่วนหนึ่งจะถูกหักไปสมทบเงินออมทุกเดือน เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นนั้นถูกออมไปโดยอัตโนมัติ เราไม่รู้สึกเสียอะไร เรามีแต่ได้กับได้ ทุกวันนี้กำลังพลในหน่วยดำเนินชีวิตปกติเพราะเงินเดือนนั้นเพิ่มอยู่แล้ว ปรับขึ้นปีละ ครั้ง แต่เงินออมจากอนาคตตรงนี้แทบไม่กระทบอะไรเลย และทั้งคู่ยังมั่นใจว่า เมื่อเกษียณอายุราชการจะมีเงินเก็บหลักล้านแน่นอน

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!.... เพิ่มเพื่อน