เปิดประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตกับการล่าแสงเหนือ Murmansk (มูมังส์) @รัสเซีย
แสงเหนือมันเหลือเชื่อ ❗️
กับครั้งหนึ่งในชีวิตของเราที่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง กับแสงรัสเซียที่ได้ชื่อว่าถูกที่สุดในโลก !!
หูยยย ฟังดูแล้วอาจจะดูเวอร์ไปหรือเปล่า ไม่รู้ ก็เห็นเขาเล่ามาอย่างนั้นน่ะ 555
ประเทศรัสเซียคือดีย์ ไม่ต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยากด้วย ไปง่ายจริง
เราจึงขอมาเล่าประสบการณ์จากการท่องเที่ยวแสงเหนือครั้งแรกของเราให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะคะ
เราเดินทางไปในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2019 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่หิมะฟูสวยสุด
ครั้งนี้คือเราได้มาเห็นหิมะที่สวยที่สุดในชีวิตของเราเลยแหละค่ะ เราชอบมากกก
และหนาวสุดในชีวิตของเราด้วย ที่ -23 องศา หนาวจนมือแทบแตก เหี่ยวไปหมด 555
เราไปล่าแสงเหนือที่เมือง murmansk (มูมังส์) ซึ่งเป็นเมืองเดียวที่สามารถเห็นแสงเหนือของประเทศรัสเซีย
ฤดูกาลล่าแสงเหนือคือ เดือนกันยายน – เมษายนของทุกปี ใครมีแพลนเที่ยวเมืองนี้จะได้เตรียมตัวกันยาวๆ ค่ะ
และบินต่อภายในประเทศ จาก Moscow ไปยัง Murmansk ราวๆ 2.5 ชั่วโมง
ดูภาพถ่ายบนเครื่องบินล่ะกันนะ ว่าพอถึงมูมังส์แล้ว พื้นที่ปกคลุมหนาเต็มไปด้วยหิมะ แค่มองลงมา ก็หนาวแล้วแม่เอ้ย
มาถึงตอนนี้ขอมาสรุปก่อนจะพาล้วงลึก ทริปสำคัญของเราในเมืองมูมังส์
เรานอนเมืองนี้ 3 คืน ขอรวมเป็นรีวิวเดียวเลยนะคะ จะยาวๆ หน่อย แต่ครบ !!
เราจึงถือว่า ทริปนี้คือ ทริปแห่งปี 2019 ของเราก็ว่าได้
📌 ได้ขี่ Snow Mobile แบบเท่ๆ ครั้งแรกกับวิวล้านดวง
📌 หมู่บ้าน Sami Village หมู่บ้านชนเผา นั่งกวางเรนเดียร์แบบสวยๆ
📌 ไปเล่นกับ Husky ฟาร์มสุนัขฮัสกี้ (Husky Farm) ฮัสกี้ลากเลื่อน น่ารักแบบเฟรนด์ลี่สุดๆ
📌 ไปสัมผัส ทะเลอาร์กติก ทะเลที่อยู่สูงที่สุดในโลก จากขั้วโลกเหนือ ที่ Teriberka ที่นี่สุดติ่งจริงๆ
📌 เข้าพักที่ Aurora village เป็นที่พักโดมแก้วระดับ 5 ดาวที่สวยมาก เราเจอแสงเหนือที่นี่เยอะสุด!!
และก่อนบินต่อไปยัง St.petersburg ก็พาชม City Tour ของมูมังส์ ตื่นตาตืนใจไปอีกกกก
นั่งรถไปพักผ่อนยังโรงแรมที่จองไว้เพราะมาถึงราวๆ 2 ทุ่มมืดแล้ว (เวลาที่รัสเซียช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง)
ความตื่นตาตื่นใจของเราคือ ระหว่างทางสองข้างทางไปยังโรงแรมนั้น ขาวโพลนไปด้วยหิมะ
ยังคิดเลยว่า พวกเขาอยู่ได้อย่างไรกันนะ เป็นเราให้อยู่แบบนี้นานๆ คงเป็นโรคซึมเศร้าแน่ๆ 555
ขอแค่มาเที่ยวก็พอเนอะ
ตัดมาเลยค่าา วันที่ 2 ในมูมังส์ ตื่นเช้ามาเปิดม่านทีโรงแรม ขาวไปหมด ลัลล๊าสุดขีด
ขอไปเล่นกับหิมะฟูๆ ขาวๆ หนานุ่มหน้าโรงแรมก่อนล่ะกัน
ยิ่งหิมะตกใหม่ๆ นะสวยสะอาดมาก แต่อย่าให้พูดถึงหิมะที่ถูกเหยียบหรือรถทับไปแล้วนะคะ
อย่างกะโคลนเลยค่า แตที่นี่แทบไม่เห็นเพราะจะมีหิมะตกใหม่ทับถมเกือบตลอดเวลาเลยค่า
มาค่ะ Day 2 พร้อมเดินทางกันแล้ว
จอดรถด้านหน้าทางเข้าแล้วนั่งล้อเลือนไปอีกไกลหน่อย
เพราะรถเข้าไปไม่ได้แล้วจ้า หิมะหนาขนาดนั้น
สวยอะไรเบอร์นี้ ทั้งหนาว มือนี่เย็นเฉียบ แต่ใจสู้ค่ะ เพราะมันตื่นตาตื่นใจกับหิมะหนาโคตรพ่อมาก 555
เวลาถ่ายรูปมาขึ้นกล้องโดดเด่นมากด้วย และที่สำคัญคือต้องกันหนาว กันลมกันหิมะ ถุงมือก็สำคัญมาก เป็นถุงมือเล่นสกีเลยค่า
เวลาจับหิมะเล่นจะได้ไม่่เจ็บนิ้ว ทริปนี้หมดคาเสื้อผ้าไปเยอะมาก
รองเท้าต้องเป็นรองเท้าบูธสูงอีก เหยียบหิมะแต่ละที เกือบถึงเข่าค่ะ จม !!
คาบสมุทรโคล่า (Kola) เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งได้รับการสำรวจโดยชนพื้นเมืองซามิและกวางเรนเดียร์
มานี่เราจึงได้นั่งกวางเรนเดียร์ด้วย มันเจ๋งปะล่าาาา
กวางเขาดูแข็งแรงมาก ทนหนาวได้ไงไม่รู้ ทั้งที่นักท่องเที่ยวเหล่านั้น หน้าแดงกร้านไปด้วยความหนาวเย็นกันหมดแล้ว
แต่เราไม่กล้าให้น้องหมาลากอ่ะ สงสารหมา ได้แต่ถ่ายรูปก็พอ 555
จบวันที่สองกลับถึงโรงแรมก็มืดแล้ว และยังต้องนั่งรถไปดูแสงเหนือนอกเมืองอีก เพราะดูในเมืองไม่ได้
สำรวจแสงเหนือคืนนี้ ก็แป๊กค่ะ หากฟ้าปิดเฆฆเยอะในตอนกลางวัน โอกาสเห็นน้อยมาก เรากลับเข้ามานอนพักจริงๆ ในโรงแรม
ราวๆ ตี 4-5 และตื่นขึ้นมา ก็เที่ยวกันต่อเริ่มที่ 11 โมง
ถามว่าเหนื่อยไหม เพลียไหม ก็ไม่เหนื่อยไม่เพลียนะคะ เพราะส่วนมากเวลานั่งในรถ เราจะนอนหลับบนรถมากกว่า
ตุนเวลานอนไว้เยอะๆ เวลาเที่ยวจริงๆ จึงไม่เพลีย
มาแล้วๆ วันที่ 3 สุดติ่งมากกก ที่ Teriberka เรียก arctic ocean หรือมหาสมุทรอาร์กติก ทะเลที่อยู่สูงที่สุดในโลก จากขั้วโลกเหนือ
เอาภาพระหว่างทางไปมาให้ชมกันก่อน ตื่นตาตื่นใจสุดๆ วิวสองข้างทาง อย่างกะเราวิ่งบนปุยนุ่น หรือดาวอังคารสวยๆ ก็ไม่ปาน
มันขาวโพลนไปหมดเลยค่า
เพลินกับสองข้างทางสวยๆ ต้องเก็บภาพมาฝากกันหน่อย หากเจอข้างทางที่ไหนสวยๆ ตะโกนเรียกคนขับรถให้หยุดรถตลอด 555
ดูแปลกตามากสำหรับเราเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่อย่าเดินไปใกล้ๆเกินไปนะคะ เพราะเราไม่รู้ระดับความลึกของพิ้นหิมะ
เดินไปเดินมาผลุบลงไปใต้หิมะครึ่งตัวเอาได้
ทริปนี้อายุน้อยสุดคือ 26 ปีและอายุมากสุดคือ 62 ปี แต่วัยก็ไม่ได้มีอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวเลย ร่างกายแข็งแรงเป็นพอ
และแล้วก็นั่งรถมาถึงซะที ที่ Teriberka ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ในความคิดเรามันไกลมากๆ หลับหลายตื่นเพลินกับวิวตามข้างทางจนอิ่มล่ะ
หลังจอดรถแล้วก็ต้องนั่งล้อลากไปอีก คราวนี้มีเสื้อคุลมแบบขนหนาๆ ให้ด้วยเพราะที่พวกเราใส่มาไม่มั่นใจจะเอาอยู่ จริงๆนะ
เพราะยิ่งใกล้ทะเล ลมยิ่งแรง ยิ่งหนาวไปอีกกกก
มองไปทางไหน ก็เจอเนินเขาหิมะ ตรงหน้าทะเล ล้อมด้วยภูเขาหิมะ
ไกด์ท้องถิ่นจะพาพวกเรามาหย่อนกันตรงนี้ ให้พวกเราถ่ายรูปและเดินเล่นกันได้ตามสะดวกค่ะ
ตามพื้นทั่วไป หลังจากที่เราได้เหยียบไปบางส่วนถึงรับรู้ได้ และยอมรับว่าหิมะหนามาก
เดินไปจุดที่ไม่มีคนเดินก็เสี่ยงจะตกหล่มหิมะลงครึ่งน่องได้อย่างง่ายดาย
และนี่คือ เทอริเบอร์ก้า ทะเลอาร์กติก ทะเลที่อยู่สูงที่สุดในโลก จากขั้วโลกเหนือ
พวกเราได้มาถึงแล้ว
ไม่ใช่ขนาดเล็กด้วยนะ แต่เป็นขนาดใหญ่ที่เรายกไม่ขึ้นด้วย
มันมหัศจรรย์มาก และก้อนหินบริเวณใกล้ชายหาดเหล่านี้จะไม่ติดหิมะด้วย
ไม่ว่าจะตกมาหนักหน่วงแค่ไหน อาจเพราะว่ามีน้ำทะเลซัดเข้ามาอยู่ตลอดก็เป็นได้ค่ะ
เมื่ออิ่มกับวิว และโคตรหนาวที่รู้ตัวเองว่าทนไม่ไหวแล้ว มือเราเจ็บมาก หยิกทีแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย
หนาวสุดโด่ง ก็ที่ Teriberka นี่แหละค่า
เดินทางกันต่อนะคะ ที่พักดาวล้านดวงของพวกเราในค่ำคืนสุดท้ายที่ Murmansk และเป็นที่พักที่แพงสุดในทริปด้วย
Aurora village เป็นที่พักโดมแก้วระดับ 5 ดาวที่สวยมาก
มื้อเย็นนี้ของพวกเราเป็นเสบียงที่ซ์้อมาจากซุปเปอร์ในเมืองเตรียมไว้แล้วค่า
บริการเช่าเตาปิ้งย่างที่นี่กัน ช่วยกันปิ้งย่าง BBQ มื้อเย็น พร้อมเครื่องดื่มแช่เย็นอยู่ในกองหิมะ
ที่พักไม่มีอาหารให้ มีแค่กระติกน้ำร้อน เราพักอยูโดมใหญ่ค่ะมี 2 เตียงชั้นล่างและด้านบน นอนได้ 4 คน
มีห้องน้ำในตัว ภายในเครื่องทำฮีตเตอร์อุ่นมาก
อุ่นไม่พอมีเตาผิงไฟให้อีก กลางคืนอุ่นจนร้อนอ่ะคิดดู 55
เป็นที่พักที่มีภาษาไทยให้อ่านตามกฏระเบียบที่พักด้วย เพราะคนไทยมาใช้บริการกันเยอะมากพอสมควร
และคืนสุดท้ายกับการล่าแสงเหนือของพวกเราก็ประสบความสำเร็จ
เพราะเราเห็นแสงเหนือที่นี่ได้อย่างชัดเจนที่สุด !!
โดยไม่ต้องรอนานเหมือนคืนอื่นๆ คืนนี้ ประมาณ 3 ทุ่ม ก็เห็นแสงเหนืออย่างชัดเจน แม้จะ KP น้อยก็ตาม
แต่เค้าก็มาจ้าาาาา
ต้องใช้ขาตั้งกล้องเท่านั้น ปรับชัดเตอร์ลากยาวๆ วัตถุก็ต้องนิ่ง คือยืนยิ่งๆ ห้ามหายใจแรงว่างั้นเหอะ
ไม่งั้นภาพจะเบลอ เพื่อให้ได้ภาพสวย ต้องยอมทำตามค่ะ
ขอบคุณตากล้องที่ทนหนาว ทนมือเจ็บมากดชัตเตอร์ให้ด้วย รู้เลยว่า มันทรมานมากจริงๆ
สมใจกับแสงเหนือครั้งแรกในชีวิตของเราที่ Murmansk รัสเซีย
เพราะพายุหิะมถาโถมมาหนักหนามากกกก รถมารับแต่เช้าด้วย ดีที่ยังได้กินโจ๊กถ้วยนึงแบบร้อนๆ มันฟินมาก
พายุหิมะเช้่านี้ค่อนข้างน่ากลัวอ่ะ เหมือนฝนตกหนักๆ แต่ไม่เปียก แต่มันเย็นมากเท่านั้นเอง 555
และวันสุดท้ายของพวกเราที่ Murmansk ยังมีเวลาเหลือเฟือตั้งวันหนึ่งน่ะ
เพราะเรามีนั่งเครื่องต่อไปยัง St.petersburg ตอนค่ำๆ
ไกด์ดีม่าจึงพาไปเที่ยวกันต่อ ระหว่างทาง รวมถึง City Tour ในเมืองด้วย
เล่น Banana Boat และขี่ Snow Mobile ลัดเลาะไปตามเทือกเขากับวิวสองข้างทางสวยๆ แบบหิมะหนาแน่นมาก
มาตรงนี้พวกเราต้องสวมชุดอีกชั้นนะคะ รวมทั้งรองเท้าบูธแบบหนักๆ
เล่นเอาเรานี่ร้อนเหงื่อชุ่มเลยกับการได้ใส่ชุดนี้ 555
ก่อนจะนั่งรถกลับไปในเมือง Murmansk เพื่อทานข้าวและแยกย้ายกันบินต่อ
อีกทีมหนึ่งบินต่อล่วงหน้าไปก่อน และอีกทีม คือเราอยู่เที่ยวในเมืองก่อนไปสนามบิน
ในเมือง Murmansk วันกลับฟ้าใสมากกกกก
เพราะหากหนาวเกินที่เรารับไม่ได้ก็จะหมดสนุกกันเลยทีเดียว
ชุดที่เห็นคือ เสื้อ 4 ชั้น ฮีทเทค+กันหนาว+ขนเป็ด+กันหนาวกันลมแบบหนา ของ Esprit
กางเกง ฮีทเทคบาง+กางเกงบุขนฮีทเทคหนา+กางเกงกันลม
รองเท้าบูธกันหนาวได้ -23
ถุงเท้าฮีทเทค+ถุงเท้าบุขน
ทุกอย่างเอาอยู่หมดค่ะ ยกเว้นมือ 2 ชั้น ใส่ถุงมือเล่นสกีก็แล้ว แต่ต้องถอดเข้าออกเพื่อถ่ายรูป มันเย็นหนาวมากๆ ทรมานตรงมือมากที่สุดจริงๆ
ถ่ายรูปกันเพลินมาก เพลินด้วยกองหิมะหนาๆ เราเดินลัดเลาะไปตามหิมะ เจอหลุมศพด้วยนะ
แต่แปลกที่หลุมศพนั้น มีคนดูแลคอยโกยหิมะตลอดเวลา ไม่มีหิมะท่วมเหมือนพื้นที่อื่นๆ เลย
ตามติดๆ กับหนึ่งในแลนด์มาร์คที่ต้องไปเช็คอินกันหน่อยค่า
กับพิกัด สุดแผ่นดินเหนือ ที่ Murmansk
ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว
ซึ่งด้านนอกตามเขตรั้วกั้นเรือจะมีคนเอาพวงกุญแจสื่อรักมาแขวนไว้เต็มเลย
ฮิตกันทั่วโลกจริงๆ พวงกุญแจคู่เนี่ย
ก่อนกลับสู่สนามบินเพื่อบินต่อ เราแวะกันที่ อนุเสวรีย์และโบสถ์
สังเกตุได้เลยว่า ในเมือง Murmansk จะมีอนุเสาวรีย์เยอะมากๆ ซึ่งแต่ละที่จะมีเรื่องราวความเป็นมาต่างๆ กัน
พอหาข้อมูลความเป็นมาในเน็ตภาษาไทย ส่วนมาก็จะมีแต่ภาพถ่ายเหมือนๆ กันค่ะ ทำให้เราก็ลงได้แค่ภาพด้วยเช่นกัน 555
ได้เล่นหิมะ ได้ลุยหนาวแบบสุดขั้ว เราไม่ได้ลงที่พัก และอาหารให้ดูกันทุกมื้อนะคะ แต่บอกเลยว่า
มาทริปที่นี่ เรื่องอาหารการกินอร่อย ถูกปาก กินได้สบายมาก มีมื้อหนึ่งได้กินขาปูอลาสก้ายักษ์แบบอุ่นๆ แม้ไม่ได้จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดก็เหอะ
แต่ความหวานของเนื้อปูในพื้นที่แห่งนั้น ยังจดจำในความรู้สึกของเราในทุกวันนี้
และขอยกให้ทริปนี้ เป็นอีกหนึ่งทริปในความทรงจำดีๆ ของเรา
Murmansk – Russia
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com