ทำอย่างไร ถึงจะได้ลดหย่อนภาษี …?

ขนาด อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หนึ่งในคนฉลาดที่สุดในโลกยังบอกว่า “ภาษีเงินได้” เป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดในโลก แล้วนับภาษาอะไรกับคนธรรมดาที่ออกจะงงกับการคิดคำนวณภาษีเงินได้ใช่ไหมครับ

แม้ว่าเราจะงงสักเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีไปได้อยู่ดี ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจให้มากที่สุด เพื่อจะได้ช่วยประหยัดภาษีกันให้ได้มากที่สุดดีกว่านะครับ

เพื่อน ๆ ยังจำสมการภาษีกันได้ใช่ไหมครับ

ตอนที่แล้วผมบอกว่า ถ้าเราต้องการเสียภาษีน้อยลง  ก็ต้องทำให้เงินได้สุทธิน้อยลงมากที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ซึ่งจากสมการที่เห็นนี้สามารถทำได้ 3 วิธี คือ 1) ลดเงินได้พึงประเมินลง  2) เพิ่มค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น หรือ 3) เพิ่มค่าลดหย่อนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม 2 วิธีแรกนั้นดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้จริงสักเท่าไหร่ เหลือวิธีที่ 3 คือ “การเพิ่มค่าลดหย่อน” เป็นหนทางสุดท้ายที่จะช่วยให้เราลดหย่อนภาษีได้มากที่สุด

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า “ค่าลดหย่อน” ที่สามารถนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้นั้นคืออะไร

ค่าลดหย่อนในทางภาษี ก็คือ “สิทธิประโยชน์ทางภาษี” ที่กฎหมายมอบให้เรานำไปใช้เพื่อช่วยลดหย่อนภาษีของแต่ละบุคคลได้

โดยกฎหมายได้กำหนดค่าลดหย่อนแต่ละประเภทให้เรานำไปเลือกใช้กันได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

ทั้งนี้ ค่าลดหย่อนภาษี ทั้งหมดแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

  • กลุ่มแรก ค่าลดหย่อนของผู้มีเงินได้ทั่วไป

เป็นค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ทุกคนที่มีสิทธิสามารถนำไปลดหย่อนได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขใด ๆ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท เป็นต้น

  • กลุ่มที่สอง ค่าลดหย่อนของผู้มีเงินได้แบบมีเงื่อนไข

เป็นค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ที่มีเงื่อนไขกำหนดไว้ หากเรามีเงินได้เข้าตามเงื่อนไขดังกล่าวก็จะนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ เช่น หากเรามีลูกก็ใช้สิทธิลดหย่อนบุตรได้ 30,000 บาทต่อคน เป็นต้น

  • กลุ่มที่สาม ค่าลดหย่อนจากการออมและการทำประกัน

ค่าลดหย่อนกลุ่มนี้เกิดจากการที่รัฐต้องการสนับสนุนให้คนไทยเกิดการออม หรือทำประกัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระรัฐบาลในการจัดสวัสดิการ เช่น หากเราซื้อ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)  รัฐบาลก็เชื่อว่าเราจะมีเงินเลี้ยงชีพได้หลังเกษียณโดยไม่ต้องพึ่งพาสวัสดิการของรัฐเพียงอย่างเดียว

หรือถ้าเราทำประกันชีวิตเอาไว้ ก็จะเป็นหลักประกันให้กับทายาทของเราหากตายลงเขาก็จะมีเงินก้อนไว้เลี้ยงดูตนเองได้สักระยะหนึ่ง โดยไม่ต้องไปพึ่งพาสวัสดิการของรัฐ

  • กลุ่มที่สี่ ค่าลดหย่อนจากโครงการพิเศษของรัฐ

ค่าลดหย่อนนี้เกิดจากนโยบายของรัฐบาลในแต่ละช่วงเวลา หากรัฐต้องการสนับสนุนหรือต้องการช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษ รัฐบาลก็จะออกนโยบายดังกล่าวออกมา

เช่น ตอนเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ตอนปี 54 รัฐก็ออกนโยบายลดภาษีให้กับคนที่ซ่อมบ้านหรือซ่อมรถ หรือตอนนี้รัฐบาลอยากกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยสนับสนุนให้คนไปเที่ยวเมืองรอง (จังหวัดที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหลัก) รัฐก็จะให้ค่าลดหย่อนจากค่าที่พักในเมืองรอง 55 จังหวัดตามจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท

  • กลุ่มที่ห้า ค่าลดหย่อนจากการบริจาค

ส่วนนี้เป็นค่าลดหย่อนที่รัฐต้องการสนับสนุนให้เราแบ่งปัน หรือตอบแทนอะไรกลับสู่สังคม หรือพูดง่าย ๆคือรัฐให้ค่าลดหย่อนภาษีตอบแทนความดีที่เราทำครับ เช่น เราบริจาคให้โครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของพี่ตูน เพื่อสนับสนุนการซื้อเครื่องมือแพทย์ เราก็สามารถนำเอาเงินบริจาคนั้นมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย

แค่เกริ่นเรื่องค่าลดหย่อนประเภทต่าง ๆ ก็จบตอนพอดี ยังไม่ทันเล่าให้ฟังเลยว่าแล้วเราควรจะเอาค่าลดหย่อนกลุ่มไหนไปใช้ในการวางแผนภาษีถึงจะคุ้มค่าที่สุด ถ้าอยากรู้เอาไว้มาติดตามอ่านในตอนถัดไปแล้วกันนะครับ

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....