ทอมมี่ แอคชัวรี กฎ 3 ข้อ! เลือกอาชีพให้ประสบความสำเร็จ

ทอมมี่ แอคชัวรี

กฎ 3 ข้อ! เลือกอาชีพให้ประสบความสำเร็จ

“สำเร็จติด 1 ใน 4 คนไทย FSA มาตรฐานโลก ด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปี”

“THE COACH” แมกกาซีนออนไลน์ภายใต้การนำเสนอของ INN WHY MAGAZINE ฉบับนี้เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของ “โค้ชชิ่ง” ผู้ประสบความสำเร็จที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในวงการอาชีพ “นักคณิตศาสตร์ประกันภัย” หรือ Actuary (แอคชัวรี)

เขาคือ “อาจารย์ทอมมี่” หรือ “ทอมมี่ แอคชัวรี” หรือ “คุณพิเชฐ เจียรมณีทวีสิน” นายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยไทยสองสมัยติดต่อกันมาถึงปัจจุบัน “คุณทอมมี่” นับเป็นบุคคลต้นแบบหรือ “ไอดอล” ให้กับคนรุ่นใหม่ที่ “คิดนอกกรอบ” ในการเลือกเส้นทางอาชีพที่ใช่ ที่ชอบ จนประสบความสำเร็จรอบด้านมาอย่างต่อเนื่อง

แม้การเริ่มต้นก้าวแรกของการทำงาน “คุณทอมมี่” ผู้สำเร็จปริญญาวิชาชีพวิศวกร อุตสาหกรรม โดยในปี 2000 เริ่มประจำการเป็นคนในกรอบด้วยการก้าวสู่ตำแหน่งงานวิศวกร ประจำโรงงานมิชลิน

และเพียงไม่นานเขาก็ค้นพบตัวเองว่า “ชอบอาชีพอะไร” จึงพลิกก้าวเข้าสู่อาชีพ “นักคณิตศาสตร์ประกันภัย” และเป็น 1 ใน 4 ของคนไทยผู้สอบผ่านคุณวุฒิสูงสุดในวิชาชีพ ที่เรียกว่า Fellowship of Society of Actuarie หรือ FSA อันเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปี

กับการประเดิมเข้าประจำการในตำแหน่ง Management Trainee บริษัทประกันชีวิต เอไอเอ แล้วขยับเป็นช่วยผู้จัดการฝ่ายคณิตศาสตร์ประกันภัย บริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันส์ ประจำสำนักงานใหญ่ ประเทศฮ่องกง

ความภาคภูมิใจในอาชีพนักคณิตศาสตร์ประกันภัยของ “คุณทอมมี่” คือเขาเป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยนับ 100 ประเภท ป้อนให้กับบริษัทเอกชนในประเทศต่างๆ กว่า 10 ประเทศ

“ก้าวใหม่จากมือปืนรับจ้าง ก้าวสู่นักขุดทองเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง”

รวมเวลาที่ทำงานอยู่กับเอไอเอมาทั้งหมด 16 ปี ก่อนจะตัดสินใจออกมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง ในชื่อ “แอคชัวเรียลบิวซิเนส โซลูชั่น” เพื่อให้บริการกับลูกค้าที่เป็นบริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย และบริการคำนวณผลประโยชน์ของพนักงานตามมาตรฐานบัญชีใหม่ในปัจจุบัน

นับเป็นการก้าวออกกรอบครั้งที่สอง จากครั้งแรกที่หันไปยึดอาชีพแปลกใหม่ “นักคณิตศาสตร์ประกันภัย” และก้าวใหม่กับการก้าวออกจากกรอบการเป็น “มือปืนรับจ้าง” มาเป็น “นักขุดทอง” ออกมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง

วันนี้ดูเหมือน “คุณทอมมี่” จะมีอิสระในการทำงาน สามารถให้ความรู้หรือแนวทางการเป็นแอคชัวรีได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน “เขา” กลายเป็นผู้ให้ความรู้หรือแนะนำเรื่องนี้อาชีพแปลกใหม่นี้ผ่านเวบไซต์และแฟนเพจเฟซบุ๊ค “นักคณิตศาสตร์ประกันภัย – ทอมมี่ แอคชัวรี Actuary” อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยอีกด้านหนึ่งก็รับเป็นอาจารย์พิเศษสอนระดับปริญญาโทด้วย

จากสิ่งที่เขากำลัง “โค้งชิ่ง” งานด้านอาชีพ “นักคณิตศาสตร์ประกันภัย” อยู่ในปัจจุบันนี้ “คุณทอมมี่” ได้นำเสนอเหตุและผลเพื่อให้ “ผู้สนใจ” ศึกษาไว้เป็นแนวทางการค้นหาอาชีพที่ตนเองชอบและทำจนประสบความสำเร็จไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาเริ่มเปิดมุมมองว่า

โลกใบนี้ต้องการ มืออาชีพ ต้องการตัวจริง ในอนาคตเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก คนไม่ใช่ตัวจริง ไม่ใช่มืออาชีพจะอยู่ยากขึ้น เดี๋ยวนี้คนเราต้องสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง หลายๆ คนก็มองว่า อยากไปทิศทางของ Start Up อยากทำโน่นนี่นั่นเป็นของตัวเอง แต่จริงๆแล้วก็ต้องมีคนที่พัฒนาความรู้ของตัวเองให้ตรงตามสาขานั้นและก็โตขึ้นไปในสาขานั้น

“อย่างวิชาชีพเฉพาะทางไม่ว่าจะเป็นพวกหมอ ทนายความ นักบัญชี นักคณิตศาสตร์ประกันภัยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเหมือนกัน อาชีพพวกนี้ต้องเป็นอาชีพที่ต้องพัฒนาตัวเอง ซึ่งสำคัญมาก”

“คุณทอมมี่” กล่าวว่า สมัยก่อนเรียกนักปราชญ์เพราะมีความรู้มาก แต่เดี๋ยวนี้ความรู้บนโลกใบนี้มีมากมายและกว้างไปหมดจนไม่สามารถให้คนๆ หนึ่ง ศึกษาไปจนหมดได้ทุกอย่างในโลก เพราะฉะนั้นจึงต้องมีความเป็น “มืออาชีพ” ศึกษาเรื่องเฉพาะทางและใช้เวลาฝึกฝนนานหลายปี บางครั้งอาจทั้งช่วงชีวิต ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ยากและต้องอาศัยพึ่งพาคนคนนั้นในการศึกษาเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะ

“ใครที่อยากเป็นเป็ดก็ได้แต่หนึ่งในเป็นนั้นต้องมีความแตกต่างและสร้างจุดเด่นในเป็ดของตัวนั้นด้วยตัวเอง ฉะนั้นคุณ เลือกจะเป็นเป็ดตัวไหนดี ทุกวันนี้มีหมอหลายๆท่านก็เรียนวิชาเสริม กฎหมายเป็นต้น หรือไปเรียนอะไรเพิ่มเติมหลายๆอย่าง”

“กฎ 3 ข้อ ชอบ ถนัด ตลาดต้องการ กฎเลือกอาชีพให้ประสบความสำเร็จ”

สำหรับวิธีการที่ทำให้แต่ละคนมีความเป็นมืออาชีพนั้น “โค้ชทอมมี่” ได้นิยามกฎเกณฑ์การ “เลือกอาชีพ” ให้ประสบความสำเร็จไว้ว่ามีอยู่ 3 ข้อคือ ข้อ 1 ทำในสิ่งที่เราชอบ 2 ทำในสิ่งที่เราถนัด ถ้าเราทำในสิ่งที่ชอบ และถนัดมีความสุขมากเลยในชีวิตนี้ แต่ถ้าไม่ถนัดสามารถเปลี่ยนจากถนัดเป็นความชอบได้ คือ ฝึกฝนไปเรื่อยๆ จากความชอบก็ทำให้เราถนัดตามมาได้ หรือบางครั้งความถนัดก็ทำให้เกิดความชอบตามมา

และ 3 ดูสิ่งที่ตลาดและคนข้างนอกต้องการด้วย และต้องเช็คถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาด้วย มันดิ้นได้ ดังนั้นถ้ามีไม่ครบอาจสำเร็จยากนิดหนึ่ง

“สิ่งที่เลือกวันนี้ แต่กว่าเราจะได้ใช้ความรู้ของเราอาจจะต้อง 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า ฉะนั้นต้องเดาให้ออก เมื่อก่อนวิศวโยธา ทุกคนแห่กันเรียนพอเรียนจบออกมาช่วงนั้นเศรษฐกิจไม่ดีไม่มีการสร้างตึก ฉะนั้นถ้าเราเห็นภาพว่า จะล้นตลาดเราต้องมองเมกกะเทรนด์เลย เพราะเมกกะเทรนด์ค่อยๆไป เช่น เรารู้อยู่แล้วว่าคนเราจะอายุยืนขึ้น ประชากรสูงวัยเยอะขึ้น คนจะเข้าเมืองเยอะขึ้นอีก เราก็จะเห็นเทรนด์ต่างๆนานา คอนโดมิเนียมเริ่มเกิดขึ้น เราเริ่มมองทั่วโลกว่ามีอะไรเริ่มเกิดขึ้นบ้าง”

“การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้นมีองค์ประกอบ สำคัญคือ เรื่องของ คุณวุฒิ”

สมัยก่อนพ่อแม่จะแนะนำให้ลูกเรียนวิชานี้เพื่อไปเป็นอาชีพนี้ แต่วันนี้ต้องมองเทรนด์ให้ออก บางครั้งต้องพาพ่อแม่ไปดูเทรนด์ด้วยกัน บางครั้งจะมีการ Open House เปิดงานสัมมนาที่โน่นที่นี่ก็ไปอัพเดทเทรนด์ด้วยกัน หรือมีหนังสือใหม่ๆให้อ่านก็อ่านไปก่อน เพราะการฝึกงานกับทำงานจริงไม่เหมือนกัน

“สมัยก่อนผมฝึกงานเป็นวิศวะทำในโรงงานชอบมากเลยแต่พอทำงานจริง ตอนทำสนุกแต่พอทำแล้วรู้สึกว่าต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตแล้วเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เราก็เปลี่ยนสาย แล้ววันนี้คนทำงานที่ทำแล้วไม่ได้ชอบ ที่ชอบไม่ได้ทำก็ให้กลับไปดู 3 ข้อที่กล่าวมา”

คุณทอมมี่ ให้แง่คิดเพิ่มเติมว่า คนเราบางครั้งอาจถนัดอะไรได้ช้าหรือน้อย บางคนอาจถนัดได้งานหรือมากในเวลารวดเร็ว แต่อย่าเพิ่งเปลี่ยนทันที เพราะการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้นมีองค์ประกอบ สำคัญคือ เรื่องของ “คุณวุฒิ”

เพราะถ้าเป็นหมอต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ ถ้าเป็นผู้พิพากษาต้องสอบเนติบัณฑิต ต้องมีวุฒิในด้านนั้นโดยเฉพาะ ฉะนั้นต้องไปศึกษาดูว่าต้องไปสอบวุฒิแต่ละตัวได้อย่างไรบ้าง บางทีนึกว่าตนเองถนัดพอไปสอบจริงไม่ผ่าน แต่อย่างน้อยก็ต้องมี Transition Plan ไว้ก่อนว่าจะขยับไปอย่างไร อาจจะลองสอบดู ได้คุณวุฒิในบางขั้น ระหว่างนั้นอาจไปหางานทำด้วยในตัว

แล้ววันนี้ถ้าอยากเป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัยสิ่งที่ต้องทำคือ ต้องไปเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่นักคณิตศาสตร์เรียนรู้ เขาเรียนรู้อะไรกันบ้าง ใช้วุฒิอะไรบ้าง อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจออกในทันทีทันใด เพราะอาจทำได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้ และอาชีพนี้ไม่ต้องเรียนจบคณิตศาสตร์โดยตรงแต่จบปริญญาตรี

“ฉะนั้นเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณเป็นมืออาชีพได้ ถ้าคุณรู้จัก 3 อย่างคือ ทำในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่ถนัด และทำในสิ่งที่ตลาดต้องการ แล้วจะรู้สึกว่างานที่เราทำเป็นเหมือนเราได้ทำงานอดิเรกทุกวันมีความสุขมาก”