สูตรลับออมเงินให้งอกเงย ออมอย่างไร ใช้อย่างไร..ให้เหลือเก็บ?

 

กัณฑรัตน์-KTC

 

ความสำเร็จจากการออมเงินที่มาจากเงินเดือนประจำเพื่อไว้ใช้หลังเกษียณของมนุษย์เงินเดือน ถ้าเก็บออมเงินในรูปแบบเงินสดด้วยการฝากธนาคารไว้ คงไม่เพียงพอสำหรับการดำเนินชีวิตหลังหยุดทำงานไปแล้วคือวัย 55 ปีหรือ 60 ปี เราเคยถามตัวเองนับจากวันแรกที่เริ่มต้นทำงานหรือไม่ว่า เรียนจบแล้ว ทำงานเดือนแรก จะทำอย่างไรให้งานมีความมั่นคง และมีชีวิตที่มั่นคงจากการทำงาน ถ้าชีวิตมีความมั่นคงจากการทำงานย่อมหมายความว่า ความทุ่มเท ความตั้งใจ มุ่งมั่นและหมั่นฝึกฝนพัฒนาตัวเองตลอดเวลาจะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายหมายนั่นคือ การมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากรายได้ประจำ แล้วศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อนำรายได้ประจำนั้นมาจัดสรรปันส่วนไปลงทุนให้งอกเงยมากกว่าเงินเดือน
วันนี้เว็บไซต์ INNWHY.COM ได้ถอดแนวคิดดีๆ ของ คุณกัณฑรัตน์ เจิมจิตผ่อง ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC ถึงมุมมองและแนวทางการออมแบบง่ายๆของมนุษย์เงินเดือนอย่างไรให้เหลือเก็บหลังเกษียณมาฝากกันค่ะ
คุณกัณฑรัตน์ เล่าว่า การออมเงินให้ตัวเองไว้ใช้หลังเกษียณโดยไม่ลำบากนั้น หลายคนจะมีวิธีคิดและแนวทางที่แตกต่างกัน แต่สำหรับตัวเองนั้น การที่คนเราจะเก็บออมเงินได้ก็ต้องมีที่มาของรายได้ก่อน บวกกับเป็นคนที่ชอบเก็บเงินมาตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือ อาจได้เปรียบตรงนี้ ช่วงนั้นเรียนหนังสือ แล้วก็ทำงานพิเศษด้วย รับงานสอนพิเศษเกี่ยวกับบทหนัง พอมีรายได้มาก็แบ่งส่วนหนึ่งไว้ใช้ อีกส่วนหนึ่งเก็บฝากบัญชีธนาคารไว้ ได้เงินมาก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่หมิ่นเงินน้อยไม่คอยวาสนา ทุกวันนี้มองเห็น คนรุ่นใหม่มีความสนใจและกระตือรือล้นอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองมากมายนับเป็นเรื่องที่ดี บางคนมีความพยายามที่จะเสาะแสวงหารายได้ด้วยตัวเองโดยไม่ได้สนใจว่าจะต้องมีรายได้มาจากการทำงานประจำ ต้องรับราชการ อยากเป็นหมอ นักบิน แต่ทุกอย่างที่เป็นรายได้ เป็นเงินเป็นทองพวกเขาก็สนใจที่จะทำงานเพื่อหารายได้ ด้วยตัวเอง
มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประจำอย่างตัวเองนั้น ก็มองว่า การมีเงินเดือนหนึ่งก้อนต้องไปศึกษาแล้วว่า จะแบ่งช่องทางการออมไปที่ไหนอย่างไรบ้างเพื่อให้เงินของเรางอกเงยขึ้นมาได้ เพราะอย่างมนุษย์เงินเดือนมีภาระและหน้าที่หลักต้องรับผิดชอบคือ การเสียภาษีเพราะมีรายได้เกินฐานภาษีที่รัฐกำหนด ก็ต้องศึกษาถึงเรื่องของการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี มีการลงทุนแบบไหนบ้างที่จะลดหย่อนภาษีได้ก็มากมาย เช่น การลงทุนในกองทุน เช่น การหักภาษีเพื่อการลดหย่อนภาษีได้ เช่น การลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว( LTF) , การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) , การลงทุนในรูปแบบประกันชีวิต เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่นำมาใช้เพื่อหักลดหย่อนภาษีได้ ก็พยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ถ้าไม่เริ่มต้นแสวงหาความรู้ในการออมด้วยตัวเองบางครั้งจะทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้หลากหลาย

คุณกัณฑรัตน์ แนะนำว่า พนักงานประจำยิ่งต้องพยายามศึกษาการลงทุนในรูปแบบต่างๆว่ามีประโยชน์อย่างไร เพื่อตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุนอะไรดี เช่น LTF เวลาซื้อก็จะเฉลี่ยซื้อตลอดทั้งปี หรือกรณีตลาดหุ้นไม่สดใสหรือราคาตกก็จะศึกษาการลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่น่าสนใจ แล้วซื้อเก็บไว้ แต่ถ้าทำงานประจำไม่มีเวลาศึกษาการลงทุนในหุ้น ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยได้ ตอนนี้ก็มีหลายบริษัทที่มีพนักงาน มีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถและมีเวลาช่วยหาเงินแทนเรา เราก็สามารถใช้บริการแทนเราตรงนั้นก็ได้ หรืออย่างกรณีการลงทุนในรูปแบบประกันชีวิต ถ้าเราเริ่มต้นส่งเร็วจะดีมาก พอครบกำหนดระยะเวลาส่งเบี้ยประกันตามสัญญาแล้วเราก็สามารถนำเงินตรงนี้มาใช้หลังเราเกษียณและนำมาหักลดหย่อนภาษีในระหว่างส่งเบี้ยได้ด้วย

ส่วนการบริหารจัดการแบ่งรายรับรายจ่ายจากเงินเดือน โดยส่วนตัวจะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว เพราะเมื่อก่อนเคยคิดว่า คงไม่มีเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้หลังเกษียณได้ ก็เลยตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม โดยการผ่อนชำระ พอซื้อเสร็จก็ต้องมาทำบัญชีค่าใช้จ่ายว่านี่คือหนี้สินที่ต้องใช้จ่าย รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำเดือนก็ต้องกันเอาไว้ และกันส่วนที่เหลือไว้ออม

“…พยายามมีกฏให้กับตัวเองว่า ของชิ้นนี้เราจะไม่ผ่อน หรือถ้าจะซื้ออะไรใหม่เพิ่ม 1 ชิ้นก็ต้องมีกฏเอาออกจากตู้ 1 ชิ้นไปเลย เพื่อให้เรารู้จักคิดก่อนไม่อย่างนั้นของก็จะเต็มไปหมด และของบางทีซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้…”

บางคนมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน ภาระเยอะก็ต้องกันเงินส่วนนี้ไว้เพราะ ต้องดูแลทางบ้านด้วย ส่วนตัวด้วย แต่ก็ไม่ได้ฟิกซ์ว่าอันนี้ 20%หรือ30% ก็ยืดหยุ่นไป แต่เราต้องมีวินัย อย่างบริษัทบัตรเครดิตของ KTC เองก็ตามองค์กรก็มีนโยบายส่งเสริมการออม เช่น สินเชื่อบุคคลเราจะเน้น ถึงประโยชน์การใช้จ่ายบัตรเครดิต ทั้งวินัยการใช้จ่าย วินัยการออม รู้จักเก็บออมและแบ่งชำระให้ตรงเวลาและใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษของบัตรเพื่อนำมาใช้แทนเงินได้ หรือแบ่งชำระอัตราดอกเบี้ย 0% อยากให้ผู้บริโภคศึกษาบัตรเครดิตแต่ละแห่งให้ประโยชน์อย่างไรบ้างเราก็จะได้ประโยชน์ที่ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือทางการเงินเพียงอย่างเดียว

สุดท้ายคุณกัณฑรัตน์ ฝากถึงพนักงานประจำที่มีความสนใจจะออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ ทำอย่างไรให้แหล่งรายได้หลักของเราเพิ่มมากขึ้นนั่นคือ การตั้งใจในการทำงาน การขวนขวายในการทำงานเพื่อการมีรายได้ที่มั่นคง มีโบนัสและอะไรหลากหลายที่บริษัทตอบแทนให้กับเรา และต้องรู้จักมีวินัยการใช้เงิน

…ออมเงินนั้นไม่ยากเลยนะคะ เพียงแต่หลายคนอาจเริ่มต้นไม่ถูก ขณะที่หลายคนเริ่มต้นตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราเริ่มต้นแล้วหรือยัง…เริ่มเสียแต่วันนี้ก็ยังไม่สายเกินไป.

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....