ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี ตรงกับ วันมะเร็งโลก (World Cancer Day) จากรายงานขององค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่ามีคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกว่า 9.6 ล้านคนต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า ดังนั้น การตระหนักถึงวิธีการป้องกันและใส่ใจสุขภาพ จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวว่า มะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ มีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตแบบที่ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อนานเข้าก็ก่อเกิดเป็นเนื้อร้ายจนขยายลุกลามไปยังร่างกายส่วนอื่นๆ ผ่านทางต่อมน้ำเหลืองหรือกระแสเลือด แต่ก็ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นมะเร็งเสมอไป โรคนี้ถือเป็นเรื่องใกล้ตัว

จากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการเป็นโรคมะเร็งสูงขึ้นทุกๆ ปี แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีผู้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นทุกปีด้วยเช่นกัน โรคมะเร็งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราทุกคนสามารถรับรู้และทำเข้าใจอย่างถูกต้องได้ผ่านแคมเปญสากลที่ชื่อว่า I AM & I WILL : Together, all our actions matter จากสมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล (UICC) เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและลดจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งได้เช่นกัน

ปัจจุบันในประเทศไทยพบว่ามีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นราว 5 % ในทุกๆ ปี โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยปีละ 8 หมื่นคน และพบคนไข้รายใหม่ประมาณ 1.7 แสนคนต่อปี โดยสาเหตุของการเกิดมะเร็งนั้นก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ ความผิดปกติทางพันธุกรรม ที่มีโอกาสเกิดขึ้นประมาณ 5-10% และอีก 90-95% นั้นเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น รังสียูวีจากแสงแดด เชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียบางชนิด รังสีเอกซเรย์ การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ รวมถึงเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การกินอาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม อาหารที่ผ่านกระบวนการรมควันหรือการหมักดองรวมถึงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น หลายครั้งที่ร่างกายเจ็บป่วยหรือแสดงอาการแปลกๆ เรามักไปหาข้อมูลอาการของโรคจากในอินเทอร์เน็ตจนทำให้บางครั้งอาจได้ข้อมูลที่ผิดๆ

ดังนั้นสมาคมต่อต้านโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา จึงได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าถ้าร่างกายมี 7 สัญญาณอันตราย เกิดขึ้นต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์ ได้แก่

1.ระบบขับถ่ายเปลี่ยนไป

2.แผลที่รักษาไม่ยอมหาย

3.ร่างกายมีก้อนตุ่ม

4.กลืนกินอาหารลำบาก

5.มีเลือดออกผิดปกติจากทวารต่างๆ

6.มีการเปลี่ยนแปลงของไฝและหูด 

7.ไอหรือเสียงแหบเรื้อรัง

หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ และรับการรักษาที่ตรงจุดอย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ การป้องกันโรคมะเร็งด้วยหลัก “5 ทำห่างไกลมะเร็ง”ทำได้โดย “5 ทำ” คือ

1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

2.ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด

3.กินผักผลไม้ให้ได้ครึ่งหนึ่งของอาหารที่บริโภคแต่ละมื้อ

4.กินอาหารให้หลากหลาย

5.ตรวจร่างกายเป็นประจำ 

ในช่วงเวลานี้ผู้ป่วยมะเร็งควรดูแลเรื่องสุขภาพของตัวเองให้มากขึ้นสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างการรักษาหรือให้คีโม ควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกครั้งที่ต้องออกจากบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยและพกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวไว้ตลอดเวลา การใส่หน้ากากอนามัย ถ้าเป็นหน้ากากชนิดผ้าต้องเป็นผ้าที่มีคุณภาพดี สามารถป้องกันละอองฝอยในอากาศได้ และไม่ควรอยู่ในสถานที่แออัดโดยไม่จำเป็น ควรเว้นระยะห่าง (Social Distancing) กับคนรอบข้าง ทานอาหารที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีนเป็นหลัก และออกกำลังกายแบบพอเหมาะที่สามารถทำเองได้ที่บ้านเพียงแค่ทุกคนรักษาร่างกายให้แข็งแรง ทำจิตใจให้แจ่มใส ก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้.

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!.... เพิ่มเพื่อน