รู้หรือไม่? “โรคอัลไซเมอร์” เกิดได้ในวัยรุ่น แค่นอนน้อยหรืออดนอน 24 ชั่วโมง

credit photo : www.makegreatamerica.com

เพิ่มเพื่อน

เชื่อว่ามีหลายคนไม่น้อยเลยที่ยังเข้าใจว่า “โรคอัลไซเมอร์” หรือความขี้หลงขี้ลืมต่างๆ นานา เกิดขึ้นได้เฉพาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เพราะผลการศึกษาล่าสุดของ “มหาวิทยาลัยอุปซอลา” ในประเทศสวีเดน ชี้ว่าแม้แต่คนวัยหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำก็มีความเสี่ยงที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้เหมือนกัน

ซีเอ็นเอ็น เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับความน่ากลัวของโรคอัลไซเมอร์ โดย ดร. Jonathan Cedernaes นักประสาทวิทยา ประจำมหาวิทยาลัยชื่อดังของสวีเดน ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ American Academy of Neurology ระบุว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นซึ่งใช้เวลาในการทดลองเป็นเวลา 1 ปีพบว่า ชายหนุ่มผู้ที่มีสุขภาพร่างกายดีเพราะออกกำลังกายเป็นประจำนั้น มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ เพียงเพราะเขาไม่ได้นอนเป็นเวลา 1 วัน

จาก การทดสอบให้อดนอนเป็นเวลา 1 วัน หรือ 24 ชั่วโมงเต็มทำให้ “tau protein” ที่สะสมอยู่ภายในเซลล์ประสาทผิดปกติ จับตัวกันเอง จนกลายเป็นก้อนและพันกันยุ่งเหยิง อาการนี้มีชื่อเรียกว่า “tangles” เป็นอาการที่เกิดจากการขนส่งในเซลล์ประสาทผิดปกติจนรวนไปทั้งระบบนั่นเอง

ขณะที่กลุ่มทดสอบจำนวนหนึ่งที่เหลือ ได้ทดลองนอนหลับเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าปกติ เฉลี่ย 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น (ปกติคนเราเฉลี่ยต้องนอน 7-9 ชั่วโมง หรืออย่างน้อย 5 ชั่วโมง) ผลการศึกษาพบว่า ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้ากว่าปกติ ความคิด การไตร่ตรอง ลำดับทางความคิดในเรื่องที่ซับซ้อนน้อย และความจำอยู่ในระดับที่ “ผิดปกติและตอบสนองช้า”

ทั้งนี้ เคยมีงานวิจัยในสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า การนอนหลับที่ระยะเวลามากขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนเวลาเข้าเรียนจาก 7:30 น. เป็น 8:30 น. มีส่วนทำให้นักเรียนสามารถทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้เพิ่มมากขึ้น เพราะกระบวนการคิดและลำดับขั้นตอนการใช้ความคิดมีประสิทธิภาพกว่าเดิม

นอกจากนี้ ดร. Donn Dexter นักประสาทวิทยาประจำ Mayo Clinic แสดงมุมมองว่า “การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ นั่นคือนอนหลับลึกหรือหลับสนิท ไม่ตื่นกลางดึกบ่อยๆ มีส่วนช่วยในการกวาดล้างโปรตีนที่เป็นพิษต่อเซลล์ประสาทได้ ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญพอๆ กับระยะเวลาในการนอนหลับว่าเพียงพอต่อร่างกายหรือไม่”

แล้วจะ ทำอย่างไรให้เรานอนหลับได้ลึกและสนิทที่สุดในระหว่างคืน มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยออกมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับ “อาหารสมอง” พอสรุปมาบอกกล่าวกันสั้นๆ ดังนี้ 

 

ที่มาภาพ : pinterest

ผลไม้ในตระกูล “เบอร์รี่” ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานทั้งหลาย คือ อาหารสมองชั้นเลิศที่คนทั่วโลกนิยมทาน

cr. pinterest

ผักใบเขียวที่รัก ตัวอย่างผักใบเขียวที่ได้รับความนิยมมากๆ ยกให้เป็นอาหารสมองที่ดีที่สุด ได้แก่ ผักโขม, ผัดกะหล่ำปลี, ผักกาด และผักคะน้า

Cr.pinterest

ขนมคบเคี้ยวเป็นของคู่กันของทุกเพศทุกวัย แต่จะดีกว่ามั้ยหากเราทาน “ถั่วดิบ/ถั่วคั่ว/ถั่วต้ม” ซึ่งมีวิตามิน E สูงมากๆ มาทานแทน

Cr.pinterest

ใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร หรือทานกับสลัดมากขึ้น เพราะมีประโยชน์ต่อสมองมากๆ

“ปลา” คือเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ต่อสมองในเรื่องความจำด้วย แต่จะให้ดีเราควรทานเนื้อปลาอย่างน้อย “อาทิตย์ละ 1 ครั้ง”

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราลองหันมารับประทานอาหารใกล้ตัว หาง่าย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว อาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนวัยทำงาน หรือวัยเรียนอย่างเราๆก็ได้ ยิ่งในชีวิตประจำวันคนเราตอนนี้ผูกติดกับโซเชียลมีเดียแทบจะตลอดเวลา facebook, IG หรือแพลตฟอร์มอื่น เริ่มมาเบียดเบียนเวลาพัก เวลานอนหลับ หรือกิจกรรมอื่นๆ มากขึ้น ถ้าเราไม่รู้จักแบ่งเวลา ลำดับความสำคัญ และดูแลตัวเองให้ดี ไม่แน่นะอนาคตอาจจะเกิดปรากฏการณ์ เทคโนโลยีทำร้ายคนมากกว่ามาช่วยจริงๆ ก็ได้. 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!.... เพิ่มเพื่อน