ME by TMB ส่ง “ME MOVE” บัญชีใช้จ่ายใหม่ ตอกย้ำผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้ง

นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบี และ ME by TMB เปิดเผยว่า ME ได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ชื่อ ME MOVE บัญชีใช้จ่ายดิจิทัล ภายใต้คอนเซปต์ “อยากใช้ได้ใช้ อยากเก็บได้มากกว่า” ให้ลูกค้าคล่องตัวในการทำธุรกรรมทั้งด้านออมเงินกับ ME SAVE ที่ยังได้รับดอกเบี้ยสูง และสามารถใช้จ่ายง่าย สะดวกปลอดภัย กับบัญชี ME MOVE นับเป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทางการเงินของคนรุ่นใหม่ทั้งในเรื่องของการออมที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่คล่องตัวมากขึ้น
ด้านดร. เบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ME by TMB ผู้รับผิดชอบด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และบริการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “บัญชี ME MOVE เป็นบัญชีเพื่อการใช้จ่ายดิจิทัล ที่มุ่งเน้นการทำธุรกรรมด้านใช้จ่ายในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การโอนเงิน การชำระค่าสินค้า ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ความพิเศษของบัญชี ME MOVE คือ มีเทคโนโลยีอัจฉริยะ Balance Sweep ช่วยบริหารเงินให้ลูกค้า โดยปัดเงินคงเหลืออัตโนมัติไปรับดอกเบี้ยสูงกับบัญชี ME SAVE เพียงลูกค้ากำหนดยอดเงินคงเหลือแค่พอใช้จ่ายในบัญชี ME MOVE และตั้งค่า Sweep เงินได้ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ส่วนที่เกินจากยอดเงินที่กำหนดไว้จะถูกโอนอัตโนมัติ ณ สิ้นวันไปเก็บที่บัญชี ME SAVE ทันที เพื่อรับดอกเบี้ยสูง 1.7% ต่อปี หรือ 4.5 เท่าของออมทรัพย์ทั่วไป นับเป็นครั้งแรกของวงการแบงก์ในประเทศไทย ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่เปิดบัญชี ME MOVE ถึง 40,000 บัญชีภายในสิ้นปีนี้”

“สำหรับในเฟสแรก ME MOVE จะเปิดให้บริการเปิดบัญชีผ่าน ME by TMB Application และการโอนเงินออกไปยังบุคคลอื่น ธนาคารใดก็ได้ รวมถึงโอนเงินแบบ PromptPay โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ และมีเทคโนโลยี Balance Sweep ที่ช่วยปัดเงินคงเหลืออัตโนมัติจากบัญชี ME MOVE ไปเก็บยังบัญชี ME SAVE เพื่อรับดอกเบี้ยสูง หลังจากนั้นในเฟสต่อไปจะมีการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เช่น การชำระค่าสินค้า ค่าสาธารณูปโภค (Bill Payment) เติมเงิน (Top-ups) ตลอดจนนวัตกรรมเพื่อการใช้จ่ายอื่นๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น”

ดร.เบญจรงค์ กล่าวเสริมเรื่องกลยุทธ์ว่า “ME นับเป็น Digital Strategy ของ TMB ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัลได้อย่างตรงจุด ซึ่งมีความแตกต่างจากดิจิทัลแบงก์กิ้งทั่วไป คือ เราพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการจากดิจิทัล Process ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงวิธีการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ใช่เพียงการนำระบบที่สาขามาไว้ในแอปพลิเคชั่น หรือออนไลน์ แล้วในที่สุดลูกค้ายังต้องไปทำธุรกรรมทุกอย่างที่สาขาเหมือนเดิม ดังนั้นผลิตภัณฑ์และบริการของ ME ที่ถูกพัฒนาออกมานั้นจะต้องง่าย และสามารถใช้งานได้จริงโดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นหลัก บวกกับความคล่องตัวที่ต้องทำได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องไปสาขาเลย สามารถทำทุกอย่างได้บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิทัลปัจจุบัน”

นางสาวมิ่งขวัญ กล่าวปิดท้ายถึงกลยุทธ์การตลาดว่า ”ปัจจุบัน ME มีลูกค้าที่เปิดบัญชี ME SAVE แล้วกว่า 3 แสนบัญชี ในขณะที่สัดส่วนของลูกค้าในกรุงเทพและปริมณฑลอยู่ที่ 72% และต่างจังหวัด 28% พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายการเติบโตของบัญชี ME SAVE คือ 20% จากฐานลูกค้าปีที่แล้ว ซึ่งมีลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชี ME SAVE แล้วกว่า 29,000 บัญชี คิดเป็น 48% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ME ยังคงเน้นตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้ลูกค้า ME ได้มากกว่าเสมอ ภายใต้คอนเซปต์ “ME is MORE” และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ปลดล็อคค่าธรรมเนียมการโอนต่างธนาคารที่ผูกไว้กับบัญชี ME SAVE สูงสุด 3 บัญชีได้ฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทำให้ลูกค้าคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งมียอดทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 10% และสำหรับ ME MOVE บัญชีใช้จ่ายง่ายไม่พลาดรับดอกเบี้ยสูงนี้ จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายอย่างเต็มรูปแบบ โดยลูกค้าสามารถใช้งานคู่กับบัญชี ME SAVE ได้อย่างคล่องตัวเหมือนเป็นบัญชีที่ผูกไว้เป็นบัญชีที่ 4 นอกจากนี้ ภายในปีนี้ จะได้เห็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อการลงทุนที่คุ้มค่าและได้ผลตอบแทนสูงมาตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!.... เพิ่มเพื่อน