การแข่งขันผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพในท้องตลาด ด้านหนึ่งนับเป็นผลดีช่วยให้เรามีโอกาสคัดสรรแบบประกันที่ครอบคลุมแผนการรักษาพยาบาลได้ตามที่เราต้องการและด้วยความจำเป็นของ “ค่ารักษาพยาบาล” ณ วันนี้พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี บวกกับ “อายุ” ของ “ผู้ซื้อกรมธรรม์” ที่มากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทเจ้าของแบบประกัน จึงต้องปรับ “อัตราเบี้ยประกัน” หรือ “ค่าเบี้ยประกัน” ตามอายุของ “ผู้เอาประกัน” เพราะอายุที่เพิ่มขึ้นความเสี่ยงด้านสุขภาพก็ย่อมเปลี่ยนไปส่งผลให้ “ราคาค่าเบี้ยประกัน” จำเป็นต้องปรับสูงขึ้นตามไปด้วย
บางคนแม้มีสวัสดิการด้านประกันสุขภาพจากที่ทำงานอยู่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถการันตีสุขภาพตัวเองในอนาคตได้ หากเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลบางครั้งก็ไม่เพียงพอ ดังนั้น “ค่ารักษาพยาบาล” และ “อายุของผู้เอาประกัน” จึงเป็นเรื่องสำคัญให้ต้องบริหารจัดการงบประมาณส่วนตัวสำหรับสุขภาพของเราเพื่อต่อไปในวันข้างหน้าจะได้มีผู้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลโดยไม่เป็นภาระครอบครัวและสังคม
ถามว่า แล้วเราจะเลือกซื้อประกันสุขภาพอย่างไร เลือกแบบประกันสุขภาพแบบไหนดีเนื่องจากแบบประกันสุขภาพที่มีอยู่ในท้องตลาดก็มีมากมายหลากหลายแบบเหลือเกิน วันนี้ คอลัมน์ Misssuree review จะมารีวิวแบบประกันสุขภาพใหม่กันที่ล่าสุด กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่มาเป็นทางเลือกสำหรับผู้สนใจ
“คุณปรมาศิริ มโนลม้าย” รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ การันตีว่า เป็นแบบประกันสุขภาพที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ถือเป็นนวตกรรมใหม่ เพราะได้นำเอา จุดเด่นของความคุ้มครองด้านสุขภาพของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ มาบวกรวมกับจุดเด่นของกรมธรรม์ที่เป็นแบบออมทรัพย์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์นี้ว่า “OPD (คุ้ม) เงินอยู่ครบ จบ หายห่วง”
@ 4 Pain Point จากกลุ่ม “ไม่มีประกันสุขภาพ”
แบบประกันสุขภาพตัวนี้ ทางกลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้สำรวจหา Pain Point ในกลุ่ม “ผู้ที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ” และจากการสำรวจพบ 4 เหตุผลหลักที่กลุ่มดังกล่าวยังไม่ตัดสินใจซื้อ คือ
1.รักสุขภาพ อยากมีประกันฯ แต่มองว่า ตัวเองยังแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องใช้ หากไม่ได้เคลมหรือเคลมน้อย และ “ไม่อยากจ่ายค่าเบี้ยทิ้ง”
2.แบบประกันสุขภาพที่เห็นในตลาดยังไม่ถูกใจ ไม่ครอบคลุม
3.ไม่อยากตรวจสุขภาพเพื่อทำประกันฯ เพราะมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก
4.อยากดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว แต่ไม่อยากซื้อประกันสุขภาพหลายฉบับ เพราะค่าใช้จ่ายสูง เลยไม่รู้ว่าจะซื้อให้ใครก่อนดี
@ 4 ฟีเจอร์ ประกันสุขภาพ “OPD (คุ้ม) เงินอยู่ครบ จบ หายห่วง”
จาก 4 เหตุผลหลักของกลุ่ม “ผู้ยังไม่มีประกันสุขภาพ” นำมาสู่จุดเริ่มต้นการพัฒนาแบบประกันสุขภาพบวกรวมการออมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ “OPD (คุ้ม) เงินอยู่ครบ จบ หายห่วง”
สำหรับความน่าสนใจและจุดเด่นของแบบประกันนี้มีทั้งหมดด้วยกัน 4 ฟีเจอร์คือ
1.ความคุ้ม – คุ้มครองอะไรบ้าง
-คุ้มครอง 20 ปี ชำระเบี้ยสั้นแค่ 10 ปี จ่ายเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญา
-คุ้มครอง กรณี รักษาแบบ ผู้ป่วยนอก (OPD) – ผู้ป่วยใน (IPD) ทำฟัน สายตา บู้สเตอร์วัคซีน ตรวจสุขภาพประจำปี
-คุ้มครองเพิ่มพิเศษ กรณีรักษาตัวด้วยโรคร้ายแรงสูงสุด 2 ล้านบาท 3 โรคร้ายแรง คือ โรคมะเร็งระยะลุกลาม กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
-คุ้มครองด้วยค่าชดเชยรายวัน ตั้งแต่ 500 – 15,000 บาทต่อวัน (ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก) นอนโรงพยาบาลได้ 60 วันต่อปีตลอดระยะเวลา 20 ปี
-วงเงินความคุ้มครองสุขภาพสามารถสะสมไว้ใช้ในปีถัดไปได้กรณีไม่มีการเคลม
เพราะปกติประกันสุขภาพทั่วไปหากไม่ได้มีการเคลมก็จะเป็นลักษณะเบี้ยทิ้ง หรือถ้าเคลมไปแล้วพอปีถัดไป ราคาค่าเบี้ยก็จะเพิ่มหรืออาจเคลมได้ไม่เท่าเดิม โปรดักส์ตัวนี้จึงได้พัฒนาออกมาให้แตกต่าง
2.ครบ – เงินอยู่ครบ
-เคลมเท่าไหร่ จ่ายเบี้ยคืนทั้งหมด เมื่อส่งค่าเบี้ยประกันครบอายุสัญญา 20 ปี
-จ่ายค่าเบี้ยคงที่ ตลอดอายุสัญญา ทุกเพศ ทุกช่วงอายุไม่ปรับเพิ่มในแต่ละปี
ทั้งนี้ เงินอยู่ครบ ถือเป็นจุดเปลี่ยน นั่นหมายความว่า เมื่อลูกค้าชำระเบี้ยประกันแล้ว และเกิดการเคลมตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่ซื้อไป พอเมื่อถือกรมธรรม์ครบอายุสัญญาคุ้มครอง 20 ปี เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ “ผู้เอาประกัน” ชำระเบี้ยไป ก็จะได้คืนเต็มจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์เท่าที่จ่ายค่าเบี้ยไปทุกปี
3.ง่าย – สมัครง่าย
-ไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่ต้องตอบคำถามสุขภาพ 3 ข้อ ถ้าไม่ติดปัญหาเราก็สามารถเป็นเจ้าของกรมธรรม์ฉบับนี้ได้เลย
4.หายห่วง เพราะแชร์ได้
-กรมธรรม์ประกันสุขภาพฉบับนี้สามารถแชร์ความคุ้มครองให้คนในครอบครัวได้อีก 4 คน รวมคุ้มครองทั้งหมด 5 คน สำหรับแผน 300,000 บาทขึ้นไป เรียกว่า ซื้อ 1 คนบวก 4 คน จากปกติกรมธรรม์ของใครของมันแชร์ไม่ได้ แต่โปรดักส์นี้ ให้ครอบครัวสามารถแชร์ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลได้เสมือนหนึ่งเป็น ผู้เอาประกันหลัก โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยเพิ่มและไม่ต้องตรวจสุขภาพ
แต่จะ “ไม่คุ้มครองโรคร้ายแรง” กับ “ค่าชดเชยรายวัน” ของ “ผู้ร่วมเอาประกัน” เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของ “ผู้เอาประกัน” เพียงคนเดียวเท่านั้น
@กรมธรรม์นี้ทำงานอย่างไร
สำหรับแบบประกัน “OPD (คุ้ม) เงินอยู่ครบ จบ หายห่วง” ให้ความคุ้มครอง 20 ปีแต่ชำระเบี้ยสั้นแค่ 10 ปีเท่านั้นและ ตลอดระยะเวลาการชำระเบี้ย ราคาเบี้ยประกันคงที่ ไม่มีการเพิ่มเบี้ยไม่ว่าอายุจะเพิ่มหรือว่ามีการเคลมก็ตาม
-รับตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึงอายุ 60 ปี คุ้มครองถึงอายุ 80 ปี สำหรับ ผู้เอาประกันหลัก
-บุคคลในครอบครัว รับจนถึงอายุ 75 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี ได้รับความคุ้มครองชีวิตท่านละ 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก) แต่ไม่คุ้มครอง “โรคร้ายแรง” กับ “ค่าชดเชยรายวัน”
ตัวอย่างแผนประกันสุขภาพ 1 ล้านบาท ตามภาพด้านล่าง
จากตัวอย่าง ผู้ถือกรมธรรม์ เพศชายชำระเบี้ยปีละ 1 ล้านบาท สิ่งที่ผู้ถือกรมธรรม์จะได้ก่อนเลย คือ
1.ความคุ้มครองชีวิต
2.ความคุ้มครองชีวิต ช่วงระยะเวลา 10 ปีแรก
2.1 กรณีเสียชีวิต ได้เงินคืน 110% ของเบี้ยที่ชำระไป เช่น ชำระค่าเบี้ย 1 ล้านบาท ผู้รับผลประโยชน์จะได้ 1.1 ล้านบาท หรือหากคิดเทียบเคียงดอกเบี้ยประมาณที่ 10%
2.2 กรณีเสียชีวิตหลัง ออมเงินผ่านกรมธรรม์หรือส่งค่าเบี้ยประกันครบกำหนดตามอายุสัญญา 10 ปี 10 ล้านบาท “ความคุ้มครองชีวิต” จะเพิ่มจาก 110% เป็น 120% ฉะนั้นหลัง 10 ปีผู้รับผลประโยชน์จะได้เงินคืน 12 ล้านบาท
3.วงเงินค่ารักษาพยาบาล จากภาพ : ส่วนที่เป็นสีขาวขั้นบันได
ผู้ถือกรมธรรม์ จะได้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลปีละ 10% ทุกปี และหากไม่มีการเคลมเลย ปีที่ 20 จะได้ความคุ้มครอง 2 ล้านบาท ไม่ว่าจะเข้ารับการรักษาแบบ OPD หรือ IPD สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลได้หมดตามสัญญาที่ระบุไว้ในเงื่อนไข
@ สมทบเงินเข้า “กองทุนค่ารักษาพยาบาล” ปีละแสน เหลือจากเคลมได้เงินคืน
ปีแรก ชำระเบี้ยไป 1 ล้านบาท “ผู้ถือกรมธรรม์” จะได้ “เงินกองทุนค่ารักษาพยาบาล” ที่ 1 แสนบาท พอปีถัดไปก็จะได้อีก 1 แสนบาททบเข้า “เงินกองทุนค่ารักษาพยาบาล” แบบนี้ไปทุกปีๆ ตลอด 20 ปี จนครบสัญญา รวมเป็นเงินในกองทุนฯ 2 ล้านบาท และเงินก้อนนี้ “ผู้เอาประกัน” จะได้คืนเต็มจำนวน 2 ล้านบาท แต่ถ้าเกิดการเคลมก็จะหักเงินส่วนที่เคลมออกจากกองทุนฯ เหลือเท่าไหร่ก็ได้รับเงินคืนเท่านั้น
สมมติ ตลอด 20 ปี มีเหตุให้ต้องเคลมค่ารักษาพยาบาลไป 1 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1 ล้านบาท “ผู้เอาประกัน” จะได้คืนด้วย
เช่น กรณีเกิดการเคลมในปีแรก เช่น “เจ้าของกรมธรรม์” มีการบูสเตอร์วัคซีน ราคาเข็มละ 3,000 บาทแล้วแชร์การบูสเตอร์วัคซีน ให้อีก 4 คนในครอบครัว รวม 5 เข็ม เกิดค่าใช้จ่ายการเคลมที่ 15,000 บาท
ฉะนั้น ปีแรก เจ้าของกรมธรรม์จะถูกหักเงินจากกองทุนฯ ไป 15,000 บาท ทำให้เหลือเงินอยู่ในกองทุนฯ 85,000 บาท เงินก้อนนี้จะถูกนำไปสมทบเก็บไว้ให้ในปีที่ 2 พอส่งเบี้ยปีที่ 2 เจ้าของกรมธรรม์จะมีเงินอยู่ใน“กองทุนค่ารักษาพยาบาล” ที่ 185,000 บาท
@ค่ารักษาพยาบาล 3 โรคร้ายแรง
นอกจากนี้ กรมธรรม์ฉบับนี้ยังได้เพิ่มพิเศษวงเงินความคุ้มครองให้ “ผู้เอาประกัน” สูงสุด 2 ล้านบาท กรณี “ผู้เอาประกันหลัก” เข้ารักษาตัวด้วย 3 โรคร้ายแรง คือ โรคมะเร็งระยะลุกลาม กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
@ 3 แผนความคุ้มครองเด่นๆ
@ช่องทางติดต่อ
ช่องทาง Live Chat www.โอพีดีคืนเบี้ยครบ.com
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com