คปภ. ติดอาวุธให้ InsurTech Startup

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานเปิดงานและเป็นปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Center of InsurTech : Center of Co-Creation ”ในงานสัมมนา ภายใต้หัวข้อ “Insurance Regulatory Sandbox – โอกาสของธุรกิจประกันภัย” สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ กลุ่ม Startup และประชาชนทั่วไป เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2561 ณ ชั้น 13 Knowledge Exchange (KX) Building ซึ่งนับเป็นการประเดิมกิจกรรมแรกของ Center of InsurTech, Thailand (CIT) ที่จับมือร่วมกับ สมาคมฟินเทคประเทศไทย

โดยเลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนหนึ่งว่า ธุรกิจประกันภัยเป็นอุตสาหกรรมระดับต้นๆที่ได้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี (Technology Disruption) โดยที่การเติบโตของ Startup ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมาจากความร่วมมือจากหลายองค์กรที่สร้าง Corporate Venture Capital (CVC) หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มาร่วมลงทุนกับบริษัทต่างๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี สำนักงาน คปภ. จึงได้จัดตั้ง Center of InsurTech, Thailand (CIT) ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีเทคโนโลยีด้านการประกันภัย (InsurTech) และเทคโนโลยีประกันภัยในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย (Regulatory Technology (RegTech) ให้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นและเพื่อให้เกิดการบูรณาการในทุกภาคส่วน

ด้านดร.อายุศรี คำบรรลือ กล่าวว่า สำหรับ FinTech Firm และ Technology Firm จะต้องเป็นการดำเนินการร่วมกับบริษัทประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัย ในโครงการ Sandbox นี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสามารถทดสอบธุรกรรม ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ กระบวนการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย กระบวนการเรียกร้อง หรือ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน Smart Contract หรือ ธุรกรรมอื่นที่ สำนักงาน คปภ. เห็นชอบ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสมัครเข้าโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 โดยมีระยะเวลาทดสอบไม่เกิน 1 ปี แต่อาจมีการขยายเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ ในการทดสอบ ผู้สมัครจะต้องมีกระบวนการในการให้ความคุ้มครองผู้บริโภคทั้งการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และชดเชยให้ในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้น และต้องมีกระบวนการในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจมีขึ้น รวมถึงต้องส่งรายงานให้แก่สำนักงาน คปภ. ด้วย

ขณะที่นายสมเกียรติ วัฒนาประสบสุข ได้กล่าวถึงเรื่อง Cybersecurity for InsurTech ว่าใน ปัจจุบันธุรกิจมีพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน หากไม่คำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ก็จะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่นยืน ดังนั้นในการพัฒนา Software เพื่อเข้ามาตอบโจทย์ของ InsurTech นั้นต้องคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจให้ได้อย่างต่อเนื่อง ส่วน GDPR (Generic Data Protection Regulation) ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองที่อาศัยอยู่ในเขตสหภาพยุโรป มีผลบังคับใช้เมื่อ 25 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมามีผลให้บริษัทที่ต้องถือครองข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องทบทวนการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการควบคุมที่ใช้อยู่เพียงพอต่อการปกป้องข้อมูลดังที่ระบุไว้ในกฎหมายหรือไม่ ในส่วนของผู้ให้ข้อมูลเองก็ควรศึกษาถึงประโยชน์ หรือสิทธิที่จะได้รับด้วย โดย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีความที่คล้ายคลึงกันกับ GDPR

ทั้งนี้ได้กำหนดมาตรฐานและมาตรการที่พึงนำไปใช้เป็นกรอบในการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ประกอบด้วย มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับโปรแกรมประยุกต์บนเว็บไซต์ (Web Application Security Standard :WAS) มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ (Website Security Standard :WSS) มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามวิธีการแบบปลอดภัย พ.ร.บ. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และกรอบการดำเนินงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (NIST Cyber security Framework) ซึ่งบริษัทประกันภัย จะอยู่ภายใต้กลุ่มการเงิน จึงเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อประเทศ และต้องดำเนินการตามมาตรฐาน และมาตรการต่างๆ ที่กล่าวข้างต้น ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงควรเร่งทบทวนมาตรการควบคุมต่างๆ ที่บริษัทดำเนินการอยู่เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ดังกล่าว

ทั้งนี้ กิจกรรมต่อไปของ CIT คือการจัดประกวด OIC InsurTech Award ซึ่งได้เชิญชวนทีม Startup ด้าน InsurTech ทั่วประเทศไทยมาประกวดเพื่อชิงความเป็นสุดยอดฝีมือด้าน InsurTech โดยขณะนี้มีทีม startup สมัครเข้าประกวดแล้ว 14 ทีม โดยคณะกรรมการตัดสินจะให้ทีมเข้าประกวดนำเสนอผลงานเพื่อคัดให้เลือก 5 ทีม ก่อนที่จะให้ทั้ง 5 ทีม เข้าชิงกันในวันที่ 8 กันยายน 2561 เพื่อตัดสินทีมที่ชนะเลิศที่จะเป็นสุดยอด OIC InsurTech แห่งปีนี้ในงานสัปดาห์ประกันภัย 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รายละเอียดติดตามได้ใน https://cit.oic.or.th/ ซึ่งเป็นเว็ปไซต์ของศูนย์ CIT

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ กลุ่มงานสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 02-515-3998-9 ต่อ 8307 โทรสาร 02-513-1437 http://www.facebook.com/PROIC2012

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....