วันนี้สื่อโชเชียลมีเดียวช่องทางต่างๆ ไม่ว่า จะเป็น ติ๊กต๊อก ไลน์ เพจ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทู้ป ล้วนเป็นช่องทาง “ตัวช่วย” อย่างดีเลิศให้กับการทำธุรกิจทุกระดับ โดยเฉพาะ “รายบุคคล” หรือเจ้าของคนเดียว ต้องบอกว่า “มันใช่เลย” เพราะสื่อโชเชียลนี้ทำให้ทุกคนสามารถ “นำเสนอ” สินค้าผลิตภัณฑ์หรือความประสงค์ส่วนตัว เผยแพร่ให้กับผู้คน (เป้าหมาย) อย่างสาธารณะได้ทันที

แม้จะเริ่มจาก “มุมเล็กๆ” ที่ใดที่หนึ่ง แค่มี “โทรศัพท์มือถือ” เครื่องเดียวก็สามารถสื่อสารสิ่งที่ต้องการให้ผู้คนรับรู้กันได้ไปทั่วกระจายในพริบตา!!

ที่คุ้นชินตากันมาที่สุดตอนนี้ ก็ประเภท “ไลฟ์สดขายของ” จากสาวสวยหน้าตาดีกับผลิตภัณฑ์ความงามสรรพคุณสุดยอด ชายหนุ่มหุ่นล่ำกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพคับแก้ว ไม่แคล้วแม้กระทั่ง “การวางแผนเงินๆ ทองๆ” ที่นักโมติเวทต่างนำมา “โค้ชชิ่ง” ผ่านโชเชียลส่วนตัวของพวกเขา

และนี่เป็นเรื่องขายของ ขายความรู้ ขายวิชาการ ขายหลักการ และขายสรรพสิ่ง ที่ไม่ยุ่งยาก ในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ว่ามาทั้งหมด ซึ่งกำลังเป็นช่องทางที่มีความนิยมในยุคสังคมดิจิตัลสูงสุดวันนี้

 แต่แน่นอนโซเชียลมีเดียวมีคุณก็ต้องมีโทษ  ในแง่ของการ “ไร้การควบคุม” เพราะทุกอย่างถูกนำเสนอด้วย “อารมณ์” ของผู้โพสต์ น้อยคนนักที่จะคำนึงถึง “ความถูกต้อง” ทั้งในแง่ของกฎหมายและจริยธรรม

ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เป็นประเด็นอะไรมากมายในเชิงคดีความ!! ด้วยสิ่งที่โพสต์กันออกมาส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องราว “ส่วนตัว” ของตัวเอง

แต่เมื่อวันใด “สิ่งที่โพสต์” ออกไปเป็นสิ่งที่ไปสร้างผลกระทบต่อผู้คน องค์กร กลุ่มคน บุคคลใด ขึ้นมา “โพสต์ดังกล่าว” ก็จะกลายเป็น “โพสต์ต้องห้าม” ตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA และกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ทันที

เพราะถ้า “ผิดกฎหมาย” ขึ้นมา ก็มีบทลงโทษ อย่างที่ส่วนหนึ่งของข้อบังคับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ระบุไว้เลยว่า

“กรณีโพสต์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือปลอมแปลง ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลที่เป็นเท็จ ซึ่งคนอื่นสามารถเข้าไปดูข้อมูลนั้นได้ ทำให้ผู้อื่นเสียหาย รวมทั้งข้อมูลลามกต่าง ๆ ทั้งผู้โพสต์และผู้เผยแพร่ส่งต่อ จะมีความผิดต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

สิ่งที่นำมาเสนอเป็นสกู๊ปพิเศษฉบับนี้ เป็นเรื่องเหตุการณ์เรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกโซเชียล “กลุ่มนักขาย” กลุ่มหนึ่งที่มีการโพสต์ข้อความ “เชิญชวน” ผู้คนเข้าไปร่วมเป็น “ทีมงาน” ของตัวเอง  แต่เป็นการโพสต์ข้อความในเชิงใช้ประโยคที่ “ต้องตีความ” หรือต้องไปทำความเข้าใจใน “ข้อเท็จจริง” กันที่ออฟฟิศส่วนตัวของเจ้าของโพสต์ต่อ

ซึ่งถ้าพิจารณาในข้อบังคับของกฎหมาย การโพสต์ข้อความลักษณะนี้อาจเข้าข่าย “ข้อมูลเท็จ” ที่นำไปสู่ “ความเสียหาย” ของผู้อื่น กลุ่มบุคคลอื่น และ องค์กรอื่น ได้!!

และอาจเข้าข่ายการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริงไปด้วยอีกประเด็นหนึ่ง เพราะการโพสต์ข้อความบางข้อความที่ “ผู้หลงเชื่อ” มีการลงทุนลงแรงจนเกิดประเด็นความเสียหายของ “ทรัพย์สิน” และ “โอกาส” ก็ถือว่าเป็นการกระทำผิดโดยสมบูรณ์

ทั้งนี้เหตุการณ์เรื่องราวของ “ข้อความโพสต์” ที่กำลังเป็นกระแสแรงๆ ในสังคมตัวแทนนักขายประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินวันนี้ จึงเป็นประเด็นที่น่าห่วง!! ที่ผู้คนในอุตสาหกรรมต้องคำนึงถึงความถูกต้องและจริยธรรมในการรีครูตทีมงานใหม่ของผู้โพสต์หรือองค์กรใดๆ ด้วยเหมือนกัน

ควรที่จะมีการหยิบมา “พูดคุย” กันว่า มีความเหมาะสมและถูกต้องในข้อความโพสต์ขนาดไหน ด้วยหากกลายเป็นการชวนเชื่อเกินความจริงขึ้นมา ก็จะมีความผิดและมีโทษ และเมื่อไปถึงกรณีเช่นนั้นมันก็คงไม่เป็นผลดีต่อทุกคนในอุตสาหกรรมประกันชีวิตกันเท่าไหร่

โปรดรับทราบ!! ว่าวันนี้ “โลกโซเชียล” ไม่เป็นความลับ พร้อมที่จะถูกตรวจสอบสาวค้นหาต้นตอแหล่งที่มาได้ตลอดเวลาแล้ว และแม้จะเป็นเรื่องราว “เฉพาะกลุ่ม” หรือ “เฉพาะบุคคล” แต่ในที่สุดมันก็จะเข้าไปอยู่ในกฎข้อบังคับของ “มหาชน” เหมือนกันไม่มียกเว้น

ฉะนั้น “ผู้โพสต์” ควรจะต้องคำนึงถึง “ข้อความ” ที่จะเผยแพร่ออกมาอย่างรอบคอบในความถูกต้องและยึดถือจริยธรรมปฏิบัติในสังคมเป็นสำคัญ ก่อนที่อะไรๆ มันจะลามไปสู่การใช้กฎข้อบังคับซึ่งต้องเข้าไปเกี่ยวยุ่งกับ “บทลงโทษ” ในที่สุด!!

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....