น่าสนใจเมื่อกูรูนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน 27 สำนักจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ส่องมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 2565 โดยปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 2565 สูงขึ้น จาก 69.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็น 94.03 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และทำให้ต้องลดคาดการณ์ การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2565 จากเดิมที่ 3.71% ลงมาเหลือ 3.09%

               แต่มองทิศทางการลงทุนในปี 2565 นี้ ยังได้ผลบวกที่ชัดเจนมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ Fund Flows จากต่างประเทศ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรเติบโต โดยมีผู้โหวตถึง 81% และ 74% ตามลำดับ

               อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ความเห็นส่วนใหญ่ 65% มองว่าจะคงที่ตลอดปีนี้  ส่วนคาดการณ์ผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนปี 2565 เฉลี่ยที่ 89.11 บาทต่อหุ้น เป็นการเติบโต 9.33% จากปี 2564 

               ส่วนกลยุทธ์ไตรมาส 2 เล่นซื้อ-ขายๆ อย่าเพิ่งถือยาว เพราะมีผู้โหวต 44% ที่คาดว่าจะเป็น Sideways และมีผู้โหวต 41% ที่มองว่า Index จะมีทิศทางลบ ที่เหลือ15% มองเป็นทิศทางบว ส่วนคาดการณ์ SET Index ณ สิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 1688 จุด

               ส่วนมุมมองจากไตรมาสที่ 2 ไปถึงสิ้นปี คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1567 ถึง 1774 จุด และปิดสิ้นปี 2565 ที่ 1747 จุด

               ดังนั้นจึงแนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 29.46% หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 27.29% กองทุนตราสารหนี้ 13.15%  กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 8.66% ทองคำหรือกองทุนทองคำ 7.41% อื่นๆ 0.18%

                ในส่วนของการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก ธนาคาร การท่องเที่ยว และสื่อสาร แต่ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

               ที่นี้จับตารายชื่อหุ้นเด่นที่ 27 สำนักแนะนำตรงกันมาก คือ BDMS KBANK และ MAKRO

               โดย  BDMS ผลประกอบการฟื้นตัวดีต่อเนื่องในปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะรับผลบวกจากการเปิดประเทศ คนไข้ต่างชาติจะกลับมา ซึ่งหลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ทั้งยังมองว่าธุรกิจของ BDMS อยู่ในช่วงของการเก็บเกี่ยวกำไรจากเงินลงทุน เนื่องจากผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ไปแล้ว และ รพ.ใหม่ที่เปิดส่วนใหญ่ผ่านจุดคุ้มทุนแล้ว

               KBANK  แม้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แต่ทิศทางกำไรของธนาคารมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวขึ้น

               MAKRO คาดหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายกำลังซื้อเริ่มกลับมาทั้งจากสถานการณ์ในประเทศไทยและในต่างประเทศ ประมาณการณ์กำไรปี 2565 และ 2566 เติบโต 82% และ 44% ตามลำดับ การรวมธุรกิจของ MAKRO และ Lotus’s เพิ่มศักยภาพในการขายสินค้าโดยเฉพาะสินค้าอาหารสด และรายได้จากค่าเช่าจากธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าของ Lotus’s

               ช่วงนี้หุ้นท่องเที่ยวขยับขึ้นกันเป็นทิวแถว เก็งกำไรกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. จะประกาศตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างชาติที้เข้ามาในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ รวมถึงตัวเลขการท่องเที่ยวในช่วงมีนาคมร่วมกับท่าอากาศยานสัปดาห์หน้า ทาง  ยุทธศักดิ์ สุภสร  ผู้ว่าการ ททท. แย้มแล้วว่าดีขึ้น โดยการผ่อนคลายมาตรการ การเดินทางเข้าประเทศ โดยยกเลิกการตรวจ RT-PCR จากประเทศต้นทาง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ  แม้ว่าไตรมาส 2/2565 ต่อเนื่องไตรมาส 3/2565 ถือเป็นช่วง “โลว์ซีซั่น” ของการท่องเที่ยวไทย แต่เชื่อว่าปริมาณนักท่องเที่ยวต่างประเทศอาจ “ทยอย” เพิ่มขึ้นจาดดีมานด์อั้น และจะไปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายไตรมาส 3/2565 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/2566  

ขณะที่ กันย์  ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL รับตรงๆ ช่วงนี้ท่องเที่ยวกับว่าดี ยอดจอง “On the Book” ขยับขึ้นดี แถมเห็นยอดจองโรงแรมในกรุงเทพฯ เร่งตัวขึ้น นี่คือสัญญาณต่างชาติที่เข้ามา โดยที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงแตะ 45% และเซ็นทรัลลาดพร้าวประมาณ 10-15%

เห็นเช่นนี้ บริษัทหลักทรัพย์เคทีบีเอสที จึงแนะ ช็อป CENTEL เป้า 45 บาท MINT แนะนำซื้อ เป้า 40 บาท ERW  แนะนำซื้อเป้า 3.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ AOT สะสมได้เป้าหมายที่ 72 บาทต่อหุ้น อย่าลืมเริ่มเก็บหุ้น SPA เป้า 8.20 บาทต่อหุ้น 

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....