ไม่รู้ว่า “บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “S&P” เกิดความกังวลอะไรหุ้นแบงก์ไทยขึ้นมา ประกาศปรับลดอันดับเครดิต 4 แบงก์ใหญ่ รวดเดียว ทั้ง  ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และธนาคาร ทีเอ็มบีธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB โดยอ้างว่า เพื่อสะท้อนมุมมองความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนยังสูง  อีกทั้งกฎเกณฑ์ของทางการเอื้อให้การช่วยเหลือลูกหนี้ของไทยทำได้มากกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น พร้อมคาดการณ์ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ในภาคธนาคารของไทยจะขยับขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า จนแตะระดับ 5%

จัดเต็มชิงลบแบบนี้ก็เท่ากับทุบให้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลง งานแบงก์ชาติเราไหวตัวทันควันรีบออกมาโต้ ก่อนที่ความเชื่อมั่นจะหาย

โดย “รณดล นุ่มนนท์” รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. รีบชี้แจงว่า ที่ ธปท. ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบถือว่าตรงจุดและเหมาะสมกับสถานการณ์ เหมาะกับบริบทของไทย และไม่ต่างไปจากแนวทางประเทศต่างๆ

พร้อมโชว์ตัวเลขว่า ลูกหนี้ภายใต้มาตรการช่วยเหลือปรับลดลงจากที่เคยสูงสุดที่ 30% ของสินเชื่อ ในเดือนกรกฎาคม 2563 มาอยู่ที่ 14% ณ สิ้นปี 2564 และส่วนใหญ่ของลูกหนี้ที่ออกจากมาตรการไปแล้วสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ถือว่าฝีมือ

ไม่เพียงเท่านั้น ธปท. ยังสยบถึงความแข็งแกร่งของแบงก์พาณิชย์ไทยว่า มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) อยู่ที่ 20% โดยระหว่างปี 2563-2564 ได้กันสำรองเพิ่มเติม 4.3 แสนล้านบาท ทำให้ซึ่งปัจจุบัน เงินสำรองของระบบ ธพ. อยู่ที่ 8.9 แสนล้านบาท คิดเป็นกว่า 1.6 เท่าของสินเชื่อด้อยคุณภาพ

ขณะที่การทดสอบระดับเงินกองทุนของ ธพ. (ระหว่างปี 2564-2566) ภายใต้ภาวะวิกฤต หรือ stress test ยังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนสูงในอนาคต ในระยะต่อไปได้อีก และคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้รายได้และ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ รวมถึงคุณภาพสินเชื่อของแบงก์ปรับดีขึ้นเป็นลำดับ

ส่งสัญญาณแบบนี้ง่ายๆ คือว่า ถ้าลงมาก็เก็บได้ ไม่เจ๊งแน่นอน!

ขณะที่โบรกไทยหลายค่าย ต่างมองว่า ในระยะสั้นอาจปัจจัยกดดันจากการประกาศปรับลด GDP แต่นี่คือโอกาสทยอยสะสมหุ้นแบงก์ ฟินันเซียไซรัส แนะนำ TISCO และ KKP เพื่อรอรับผลประโยชน์ทั้งจากราคาที่จะทยอยฟื้นตัวตามปัจจัยพื้นฐานและรับเงินปันผลในอัตราสูง ส่วน เอเชียพลัส ชอบ คงน้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด มอง PBV กลุ่มฯ ไม่แพง ซื้อขาย 0.8 เท่า  ชอบ KBANK ราคาเป้าหมาย 174 บาท TISCO ราคาเป้าหมาย 106 บาท  

จากกรณีแบงก์ชาติ กล่าวโทษ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS กรณีไม่ดูแลข้อมูลลูกค้ารวมทั้งไม่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานและการให้บริการอย่างถูกต้องและเป็นธรรม ทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลลูกค้าให้บุคคลอื่นเพื่อเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย โดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกค้านั้น ทำให้เกิดกระแสตื่นตัวเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้น

ในฝั่งของ “นักรบ เนียมนามธรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) หรือ SECURE ชี้ทันที ว่า การนำข้อมูลลูกค้าไปใช้โดยที่ไม่ยินยอมนับเป็นเรื่องใหญ่ในต่างประเทศที่มีการฟ้องร้อง และโดนปรับกันเป็นพันล้านบาท และให้ระวังให้ดี โดยเฉพาะกลางปีไทยเองจะมี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ถูกบังคับใช้

ไม่เพียงแค่สถาบันการเงินเท่านั้น แต่ทุกบริษัทจะอยู่ภายใต้กฎหมายนี้ และต้องเก็บรักษาข้อมูลอย่างดี หากข้อมูลส่วนบุคลลถูกแฮกและนำไปขายก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย รวมไปถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ ดังนั้นความต้องการด้านระบบรักษาความปลอดภัย หรือ Cybersecurity มีความต้องการสูงตามมา จากเดิมที่ไทยไม่มีกฎหมายด้านนี้

แบบนี้จับตาหุ้นที่เกี่ยวพันกับกับระบบรักษาความปลอดภัยให้ดีนอกจาก SECURE ก็มี MFEC , SIS , SAMART กลุ่มนี้พอได้รับประโยชน์

เทศกาลมอเตอร์โชว์มาแล้วมีค่ายรถรวมลุยกัน 37 ค่าย ไฮไลท์สำคัญปีนี้มีการโชว์รถอีวีเพียบกว่า 22 โมเดล แถมค่าย GWM ก็ยอมลดราคา Ora Good cat ลงเหลือ 8.23 แสนบาท หลังเซ็นMOUเพื่อรับสิทธิ์จากรมสรรพสามิต  งานนี้หุ้นที่จะได้รับผลดีย่อมไม่พ้นกลุ่มอีวี EA NEX ลุยได้  ขณะที่หุ้นชิ้นส่วนยานยนต์อย่าง SAT IHL STANLY ก็รับประโยชน์ อย่าลืม NYT ที่จะรับประโยชน์จากการส่งออกนำเข้ารถอีก ส่วนสินเชื่อ TISCO KKP ยังเต็ง

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!.... เพิ่มเพื่อน