นับถอยหลังเข้าสู่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด สัปดาห์หน้า 3-4 พฤษภาคมนี้ ทำให้ตลาดอยู่ในช่วงผวา ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 0.50% พร้อมๆ กับลดขนาดงบดุล 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เรื่องนี้พอรับรู้ได้บ้างแล้ว แต่ตลาดเริ่มมีคาดการณ์ใหม่ เป็นห่วงว่าหากหลัง พ.ค. ไปแล้วเงินเฟ้อยังคงสูง เฟดอาจเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงครั้งละ 0.75% ในการประชุมถัดไป

การขึ้นดอกเบี้ยผลักดันให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงแข็งค่าทะลุ 102 จุด ส่งผลให้ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าหนักแตะระดับ 34.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นค่าเงินที่อ่อนสุดในรอบ 5 ปี

ขณะที่การตรวจหาเชื้อโควิดในเมืองปักกิ่งของจีน แบบปูพรมกับประชากรกว่า 21 ล้านคน ยังคงสร้างความกังวลว่า ปักกิ่งจะเผชิญการ Lockdown เหมือนเซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้นตามนโยบาย Zero Covid ของรัฐบาล ซึ่งนั้นหมายความว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

นี่ยังไม่รวมสงครามรัสเซียยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ แถมเริ่มมีการกล่าวถึงสงครามนิวเคลียร์มากขึ้น   

เข้าสู่ช่วงเดือนพฤษภาคมนี่คือเดือนที่ให้ผลตอบแทนติดลบส่วนใหญ่ โดยค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นไทยเฉลี่ย 10 ปีในเดือน พ.ค. จะ -1.25%  ในทางพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย พบว่าอัตรา Earning revision ratio (ERR) หรือจำนวนหุ้นที่ถูกปรับเพิ่ม EPS ลบด้วยที่ถูกปรับ EPS ลง หารด้วยทั้งหมด เพื่อดูความแข็งแกร่งของตลาด  

พบว่าตอนนี้ค่า ERR เริ่มปรับลดลงมาเป็นลบอีกครั้ง สะท้อนว่าหุ้นที่ถูกปรับลด EPS มีมากกว่าหุ้นที่ถูกปรับเพิ่ม EPS และเมื่อดูคู่ไปกับดัชนี SET พบว่าดัชนี SET จะวิ่งตาม และพอจะบอกได้ว่าหลังจากนี้โอกาสที่จะเห็นกำไรของตลาดค่อยๆถูกปรับลดลงมีสูงขึ้นเรื่อยๆ  ฉะนั้นระวัง! ถอยได้ถอยก่อน อย่าเพิ่งบู้ตอนนี้

แต่ในเชิงภาคการท่องเที่ยวมองกันว่าน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ จากการผ่อนคลายตรวจโควิด  ซึ่งตอนนี้ดูจากยอดจำนวนนักท่องเที่ยวที่บินเข้าประเทศ ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

“นายนิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เชื่อ การเปิดประเทศในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้มีโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาสู่ประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานของ AOT มากขึ้น แต่เป็นการฟื้นจากฐานที่ต่ำ ตัวเลขใช้บริการสนามบินตอนนี้มาอยู่ที่แสนรายต่อวัน ต่ำกว่าก่อนเกิดโควิดที่มีปริมาณการใช้บริการ 4 แสนรายต่อวัน 

ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการสะสมตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 (เริ่มตุลาคม 2564) ถึง 24 เมษายน 2565 พบว่า มีจำนวนผู้ใช้บริการ  19.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 7.7%  ต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ที่ทั้งปีที่ 60-70 ล้านคน ค่อนข้างมาก และกังวลว่าการเปิดน่านฟ้าช่วงพฤษภาคมที่จะถึงนี้จนถึงสิ้นปีงบ (กันยายน 2565) จะไม่สามารถมีผู้ใช้บริการได้อีก 40-50 ล้านคนตามเป้าหมายได้ เนื่องจากช่วง 4 เดือนแรก (ต.ค.-ม.ค.) ซึ่งเป็นไฮซีซั่นผ่านมาแล้ว งานนี้ถึงขั้นบอกถ้าจะลุ้นคือปีงบการเงิน 2566 (เริ่มตุลาคม 2565) เลย

ด้วยการที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง เน้นเก็งกำไรสั้นๆ จบในวัน ซึ่งฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป แนะนำลงทุนในธีม 1) หุ้นรับเงินบาทอ่อนค่าหนัก ได้แก่ ASIAN, GFPT, CPF, EPG 2) หุ้นท่องเที่ยวเปิดเมือง ได้แก่ AOT, CENTEL, BH, BDMS 3) หุ้นคาดผลประกอบการ ไตรมาส1/65 ออกมาดี ได้แก่ BEC

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!.... เพิ่มเพื่อน