“แผนที่ชี้รวย” โดย Wealthy Man  มาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นช่วงพีคของเหตุการณ์รัสเซียบู๊กับยูเครน จนตลาดทั่วโลกสะเทือนกันเต็มไปหมด โดยเฉพาะการที่มหาอำนาจที่คว่ำบาตรรัสเซีย ออกจากการเงินโลก วันนี้กำลังเอาพลังงานมาเป็นตัวประกัน กระทั่งสินทรัพย์พลังงานแพงหูฉี่

อเมริกาพยายามจะให้ในฝั่งของยุโรปที่เป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของรัสเซียนำเข้ามาถึง 40% ของปริมาณการใช้ทั้งหมด คว่ำบาตรด้านนี้ ซึ่งยังเป็นความพยายามยามอยู่ แต่ในฝั่งของกูรูวีไอ เซียนมี่ “ทิวา ชินธาดาพงศ์” เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ “ยุโรป” เป็นกลุ่มประเทศพัฒนาที่มีเศรษฐกิจยังเปราะบางที่สุด การคว่ำบาตรพลังงานจากรัสเซีย เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย ขณะที่อเมริกาก็จะรับเต็มๆ

ดังนั้นราคาพลังงานที่ขึ้นไป น้ำมันแตะสูงสุดเฉียด 140 เหรียญสหรับต่อบาเรลตอนนี้ น่าจะถึงจุดพีค เพราะเชื่อยุโรป ไม่กล้าคว่ำบาตรพลังงาน

รัสเซียรุกยูเครนหนักจนถึงขณะนี้ทั้งสหรัฐและยุโรปยังไม่ใช้กำลังทหาร ส่วนขีปนาวุธก็ยังไม่ลงซักลูก ก็เป็นจุดบ่งบอกแล้วว่า สงครามครั้งนี้จะไม่รุนแรง แต่อาจจะยืดเยื้อ ซึ่ง “เซี่ยนมี่” มองว่า ถ้าเป็นแบบนี้ในที่สุดนักลงทุนจะเริ่มชินไปเอง ก็คล้ายกับข้อพิพาทระหว่างประเทศทั่วไป

แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นจะไปให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อมากกว่า  หากยังยื้ดเยื้อต่อก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจชะงักได้ โดยต้องติดตามธนาคารกลางสหรัฐที่จะกำหนดนโยบายการเงินออกมา เชื่อว่าจะต้องขึ้นดอกเบี้ยแต่อาจจะไม่มาก

เพราะเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนสินค้าพุ่งนั้นการขึ้นดอกเบี้ยไม่สามารถสกัดได้มากเท่ากับเงินเฟ้อที่พุ่งจากดีมานด์ 

ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ ผันผวนขึ้นลงยิ่งกว่ารถไฟเหาะ ตอนนี้จะทำอย่างไร

คำตอบจากเซียนมี ถือเงินสดราว 10-20% เพื่อเข้าซื้อหุ้นไทย ในช่วงหลังการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ เนื่องจากประเมินว่าเม็ดเงินต่างชาติจะยังไหลเข้าไทย ยิ่งรัสเซีย ยูเครนมีปัญหา ยิ่งทำให้หุ้นกลุ่มอาเซียนได้รับประโยชน์ในด้านสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด อาหาร

ส่วนตลาดหุ้นไทยซึ่งมีน้ำหนักของหุ้นโภคภัณฑ์ 30% ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากราคาพลังงาน ทำให้เชื่อว่ากำไรตลาดหุ้นไทยจะพุ่งแรงอาจจะกลับไปเท่าปี 2562 ซึ่งน้อยครั้งมากที่ของตลาดหุ้นไทย ที่ EPS เป็นบวกแต่ดัชนีจะติดลบ ลุยได้โดยเฉพาะหุ้นค้าปลีกที่ยังไม่ขึ้นมา

ฝั่ง “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกโรงยืนยันนักลงทุนว่า เงินของต่างชาติชอบไทยมาก เห็นได้จาก ช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยสูงกว่าสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 24 เดือน

นั้นก็เพราะเงินทุนต่างชาติให้ความมั่นใจตลาดหุ้นไทยในระดับหนึ่ง เหมือนกับตลาดไทยเราเป็นแหล่งเก็บเงิน หรือ safe haven market เมื่อมีปัจจัยที่ไม่แน่นอน ก็ทำให้มีเงินไหลเข้ามา

ท่ามกลางราคาถ่านหินที่วิ่งขึ้นไป 400 เหรียญ หลายรายมีคำถามว่า BANPU จะได้แค่ไหน เพราะราคาหุ้นไม่ค่อยจะวิ่ง งานนี้ “คุณสมฤดี ชัยมงคล” ซีอีโอ BANPU บอกแล้วว่า ได้เต็ม 100% เพราะตอนนี้ขายตามราคาตลาดเลย อุ๊แม้เจ้า

ส่วน TOP จับตากำไรไตรมาส 1 ให้ดีอาจจะพุ่งมโหราฬจากสต็อกน้ำมัน ที่ปรับจาก 70 เหรียญในปีที่ผ่านมา ขึ้นมาเฉลี่ย 90 เหรียญแล้ว หากราคาน้ำมันยังวิ่งเกิน 100 เหรียญงานนี้อู่ฟู้ ส่วนค่าการกลั่นก็แรง 7 เหรียญ กำลังผลิตเพิ่มอีก เรียกว่าปัจจัยบวกครับ เหลืออย่างเดียวที่นักลงทุนห่วงก็คือเริ่มเพิ่มทุน

OR พยามอย่างหนัก ที่จะเปลี่ยนร่างจาก ปั๊มน้ำมัน ไปสู่การเป็นธุรกิจใหม่ ประกาศควักเงิน 2 แสนล้าน ในการลงทุนเน้นธุรกิจใหม่เป็นหลัก ล่าสุดร่วมมือกับ BBIK ของ “คุณธนา เธียรอัจฉริยะ” ในการเข้าสู่โลกดิจิทัล เดินหน้าทั้งแพลตฟอร์มดิจิทัล เหรียญดิจิทัลอื้อ จับตาให้ดีไม่ใช่แค่ OR แต่ BBIK ในฐานะผู้ร่วมหัวจมท้ายจะได้เต็มๆ จากอีโคซิสเต็มของ OR ที่ใหญ่มาก

รู้จักถั่งเช่ายิ่งยงหรือไม่ ที่จริงแล้ว บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นผู้ดำเนินการ ล่าสุดมีข่าวดีติดตั้งเครื่องสกัดสมุนไพรแล้ว เตรียมเดินหน้าเร็วๆ นี้ แถมผู้บริหาร “นวพล จันทร์จุฑามาศ” ยังเดินหน้าดีลมากมาย ที่สำคัญหุ้นยังต่ำจองจับตาข่าวดี พ.ค.นี้ 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....