นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ชี้ ภาคการเงินและประกันภัยจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของ”ทรัมป์” หนักสุดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์
เว็บไซต์ AsiaInsuranceReview รายงานข่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 “ ภาษีศุลกากร วันปลดปล่อย” ที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ กับการขึ้นภาษีประเทศคู่ค้าทั่วโลกที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ
นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เอเชียเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
“ในภูมิภาค จีนได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยเผชิญกับการจัดเก็บภาษีถึง 34% ในรอบนี้ นอกเหนือไปจากภาษีนำเข้า 20% ที่เรียกเก็บในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาและ 20% จากรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก ดังนั้นเมื่อรวมภาษีนำเข้าสินค้าจีนโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯในปัจจุบันสูงเกิน 60% แล้ว”
นายหว่องกล่าวว่า “สำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การจัดเก็บภาษีอยู่ระหว่าง 10% ถึง 49%”
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า แม้ว่าสิงคโปร์จะรักษาข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ และมีการขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่สิงคโปร์ยังคง “ต้องเสียภาษี 10%” ซึ่งอัตราภาษี 10% เป็นอัตราสากลสำหรับผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯและเป็นอัตราการเก็บภาษีขั้นต่ำ
สำหรับสิงคโปร์ นั่นหมายความว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะอ่อนแอลงในระยะใกล้ ซึ่งหมายถึงความต้องการสินค้าและบริการจากภายนอกจะลดลง โดยอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
“ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและความรู้สึกที่หดหู่ยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบริการบางประเภท เช่น การเงินและประกันภัยด้วย”นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวในตอนท้าย
“
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com