พยากรณ์ปี2571 ตลาดประกันชีวิตมาเลเซียเติบโตทะลุ 1.72 หมื่นล้านเหรียญ ขยายตัว  5.2%ต่อปี  อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น การปฏิรูปกฎระเบียบเอื้อทรานฟอร์มสู่ดิจิทัลและกลุ่มเอจจิ้ง  ชี้ “ประกันสะสมทรัพย์”ยึดมาร์เก็ตแชร์ 77.3%  

เว็บไซต์ Insurance Asia  รายงานว่า บริษัท โกลบอลดาต้า (GlobalData ) ประมาณการ ในปี 2571  ธุรกิจประกันชีวิตของมาเลเซียจะมีเบี้ยประกันภัยรับทะลุ 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR)  ที่5.2% ตั้งแต่ปี 2567 ถึงปี  2571

ในปี  2567 คาดว่า ตลาดประกันชีวิตของมาเลเซียจะเติบโต 5.9%   เป็นผลจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การปฏิรูปกฎระเบียบต่างๆ ที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล และประชากรสูงอายุ

Manogna Vangari นักวิเคราะห์ประกันภัยบริษัท โกลบอลดาต้า กล่าวว่า “ในไตรมาสแรกปี 2567เศรษฐกิจของมาเลเซียเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 4.2% เมื่อเทียบกับการเติบโต 2.9% ที่เป็นระดับสูงสุดในไตรมาสที่สี่ปี 2566  เนื่องจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นและกิจกรรมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น  เรามองว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียจะเติบโตต่อไปในอัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 4.4% ในช่วงปี 2567-2569  ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของภาคประกันชีวิต”

ทั้งนี้ ประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์( Endowment )ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของธุรกิจประกันชีวิตคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดคิดเป็นสัดส่วน 77.3% ของเบี้ยประกันภัยรับตรงทั้งหมดในปี 2567

Vangari  กล่าวว่า เบี้ยประกันภัยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตพ่วงการลงทุนที่เติบโต 7.8% และเบี้ยประกันภัยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ไม่ได้พ่วงการลงทุนที่เติบโต  4.4% ในปี 2566   จึงคาดว่า ในปี 2567-2571 ความต้องการประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปีที่ 5.1%

“การปฏิรูปกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยจะสนับสนุนการเติบโตของภาคประกันชีวิตด้วย โดยในเดือนกรกฎาคม ปี2567  ธนาคารกลางมาเลเซียได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับนโยบายที่ครอบคลุมกรอบการอนุญาตและกฎระเบียบสำหรับผู้ให้บริการประกันภัยดิจิทัลและผู้ให้บริการประกันภัยตะกาฟุล( Takaful) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลของภาคประกันภัย  โดยกรอบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานภาคการเงินปี 2565-2569 ที่มุ่งส่งเสริมการรวมกลุ่ม  การแข่งขัน และประสิทธิภาพทางธุรกิจผ่านการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล”

สำหรับประกันชีวิตแบบตลอดชีพ( Whole life)  คาดว่า จะมีส่วนแบ่งการตลาด 7.5% ของเบี้ยประกันภัยรับตรงทั้งหมดในปี 2567  เติบโต  2.3% เป็นผลจากประชากรสูงอายุของมาเลเซีย

โกลบอลดาต้ากล่าวว่า สัดส่วนชาวมาเลเซียที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 8.1% ในปี 2566   เป็น 8.7% ในปี 2568  โดยคาดว่า อัตราส่วนการพึ่งพิงผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นจาก 11.7% เป็น 12.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน  ขณะที่ประกันชีวิตแบบตลอดชีพจะมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี 1.9% ตั้งแต่ปี 2567 ถึงปี 2571

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term )  ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยมากเป็นอันดับที่สามของตลาดประกันชีวิต  คาดว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์  4.4% ในปี 2567  โดยในปี2566 ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาเติบโต  5%   ลดลงจาก 5.1% ในปี 2565 สะท้อนถึงการปรับการใช้จ่ายของผู้บริโภคท่ามกลางเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี  บริษัทประกันภัยของมาเลเซียตอบสนองสถาณการณ์ที่ผู้บริโภครัดเข็มขัดด้วยการพัฒนาแผนประกันชีวิตราคาประหยัดภายใต้โครงการ “i-Lindung “ ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม ปี2565 สำหรับประกันชีวิตและประกันโรคร้ายแรงราคาประหยัด

เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2567 สมาคมประกันชีวิตมาเลเซีย( The Life Insurance Association of Malaysia)เปิดตัว i-MULA 50 Starter Pack  ประกันชีวิตราคาประหยัดเพื่อให้ความคุ้มครองชาวมาเลเซียที่มีสิทธิ์ 100,000 ราย  โดยคาดว่า ในปี2567-2571 ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาจะมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปีที่ 4.9%   

สำหรับประกันชีวิตอื่นๆ มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน 10.8% ในปี 2567

“การปฏิรูปกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยจะช่วยเพิ่มสัดส่วนเบี้ยประกันชีวิตต่อจีดีพีของมาเลเซีย (3.3%) ในปี2566  ซึ่งต่ำกว่าประเทศอื่นๆในเอเชีย เช่น ไต้หวัน (9.3%) ญี่ปุ่น (6.3%) และไทย (3.5%)  โดยการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจะกระตุ้นให้บริษัทประกันภัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีการแข่งขันและปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้บริโภคออกมามากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเบี้ยประกันภัยต่อจีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น” Vangari กล่าวสรุป

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....