นายกสมาคมประกันชีวิตสิงคโปร์คาดการณ์ ปี 2568 บริษัทประกันชีวิตเติบโตต่อเนื่อง อานิสงส์ช่องว่างความคุ้มครอง การตระหนักรู้ของประชาชนเพิ่มขึ้น บวกแรงหนุนกลุ่มสูงวัย ชี้ความท้าทายที่น่ากังวลคือการผลักดันโซลูชันการดูแลสุขภาพที่สร้างสรรค์แม้อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ชะลอตัว
เว็บไซต์ Insurance Asia รายงานข่าวว่า สมาคมประกันชีวิตสิงคโปร์คาดการณ์ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมประกันชีวิตของสิงคโปร์เมื่อปีที่ผ่านมาจะส่งผลต่อเนื่องมาถึงปี 2568 โดยได้รับแรงกระตุ้นจากความสนใจที่มีมากขึ้นในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลของอุตสาหกรรมประกันชีวิต
Dennis Tan นายกสมาคมประกันชีวิตสิงคโปร์ ให้สัมภาษณ์ Insurance Asia ผ่านระบบ Zoom ว่า “ผมหวังว่า 2568 จะเป็นปีที่สดใสและมีแนวโน้มที่ดี โดยช่องว่างความคุ้มครอง (protection gap )ยังคงมีอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความตระหนักรู้ของสาธารณชนมากขึ้น และผู้คนก็ลงมือทำมากขึ้นเพื่อตนเองและครอบครัว ”
Tan คาดว่า อุตสาหกรรมประกันชีวิตจะปิดปี 2567 ด้วยการเติบโตที่ดี เห็นได้จากผลประกอบการเบี้ยประกันชีวิตตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนคิดเป็น 88% ของเบี้ยประกันชีวิตทั้งหมดในปี 2566 แล้ว
“แม้จะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ภาคอุตสาหกรรมประกันชีวิตก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มีความยืดหยุ่นและอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้”
เขากล่าวว่า การฟื้นตัวของภาคประกันชีวิตเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2566 แม้ว่าเบี้ยประกันชีวิตทั้งปี 2566จะลดลง 3.9% เทียบกับปี 2565 ก็ตาม โดยประชากรสูงอายุของสิงคโปร์ยังคงเป็นจุดสนใจของบริษัทประกันชีวิต โดยคาดว่าชาวสิงคโปร์ 1 คนใน 4 คนจะมีอายุ 65 ปีขึ้นไปภายในปี 2573
“การเปลี่ยนแปลงทางประชากรนี้มีความสำคัญ และอุตสาหกรรมประกันชีวิตมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรสูงอายุกลุ่มนี้”
ในมุมของนายกสมาคมฯ มองว่า ความท้าทายที่น่ากังวลคือการผลักดันโซลูชันการดูแลสุขภาพที่สร้างสรรค์ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์( medical inflation ) แตะระดับสองหลักต่ำทุกปีก็ตาม
ตามข้อมูลของบริษัท Willis Towers Watson Plc คาดการณ์ ค่ารักษาพยาบาลในสิงคโปร์จะเพิ่มขึ้น 12% ในปีนี้ ขณะที่ตัวเลขโดยรวมของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกน่าจะมีค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น
Tan กล่าวว่า“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแก้ไขได้เพียงลำพัง จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากทั้งระบบนิเวศ”
บริษัทประกันชีวิตของสิงคโปร์ได้นำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ อาทิ การกำหนดราคาเบี้ยประกันภัย (pricing) ตามสถิติการเคลมค่าสินไหมทดแทน การให้รางวัลแก่ผู้ถือกรมธรรม์ที่มีสุขภาพดีและสนับสนุนให้พวกเขารักษาสุขภาพของตนเองต่อไป เป็นต้น
นายกสมาคมฯกล่าวว่า โครงการต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อเพิ่มความรู้ทางการเงินและการตระหนักรู้ของผู้บริโภค เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันชีวิตด้วย โดยโครงการดังกล่าวช่วยให้บุคคลต่างๆ สามารถดูแลการวางแผนทางการเงินของตนเองและครอบครัวได้
ข้อมูลจาก GlobalData คาดการณ์ ภายในปี 2572 ตลาดประกันชีวิตของสิงคโปร์จะเติบโต 4% ต่อปี เบี้ยประกันภัยรวม 4.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากประชากรสูงอายุ การตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น
นายกสมาคมฯ ยังคงมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปี 2568 นี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนตระหนักถึงการคุ้มครองทางการเงินและสุขภาพมากขึ้น
“ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีวินัยมากขึ้น พวกเขาทบทวนความต้องการด้านประกันภัยของตัวเองเป็นประจำและค้นหาความคุ้มครองที่เหมาะสมสำหรับตนเองและครอบครัวอยู่ตลอด “
อย่างไรก็ดี Tan กล่าวว่า สำหรับบริษัทประกันภัย ความท้าทายคือการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตกับต้นทุนด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นให้ได้
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com