แผนการของยูบีเอส และไชน่า ไลฟ์ อินชัวรันซ์ กรุ๊ป ที่จะตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อบริหารสินทรัพย์ในจีนต้องพบกับความไม่แน่นอนเมื่อการเจรจาได้หยุดชะงักเนื่องจากมีการสอบสวนเกี่ยวกับการทุจริตในไชน่า ไลฟ์ และมีการควบคุมเกี่ยวกับขอบข่ายของธุรกิจ ขณะเดียวกัน ไชน่า ไลฟ์ อินชัวรันซ์ เผย กำไรปีที่แล้วต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในเดือนธันวาคมว่า แผนกบริหารสินทรัพย์ของไชน่า ไลฟ์ และยูบีเอส เริ่มเจรจาเมื่อปลายปี 2563 เพื่อตั้งบริษัทบริหารความมั่งคั่งร่วมกันเพื่อที่จะบริหารเงินให้กับนักลงทุนรายย่อยเป็นหลักแต่ ในขณะนี้การหารือได้หยุดชะงักแม้ว่ายังไม่ได้ระงับอย่างเป็นทางการ
การหารือที่หยุดชะงักลงย้ำให้เห็นถึงความท้าทายสำหรับบริษัทการเงินตะวันตกที่หาทางขยายส่วนแบ่งให้มากขึ้นในภาคบริหารสินทรัพย์ของจีนซึ่งมีมูลค่า 100 ล้านล้านหยวน และได้เปิดกว้างให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น
การเจรจาได้ชะลอลงเมื่อ หวาง บิน ประธานกรรมการบริหารของไชน่า ไลฟ์ อินชัวรันซ์ กรุ๊ป ในขณะนั้นถูกสอบสวนจากคณะกรรมการปราบปรามการคอร์รัปชั่นเมื่อเดือนมกราคม และพัฒนาการนี้ได้ส่งผลให้มีการทบทวนข้อตกลงที่ได้วางแผนไว้ นอกจากนี้การเจรจาร่วมทุนยังหยุดลงเพราะมีการประเมินสูงเกินจริงต่อขอบข่ายธุรกิจของบริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ด้วย
ในตอนแรกยูบีเอสหวังว่าการร่วมทุนตามแผนการนี้จะสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่ง((WMPs) ผ่านกองทัพตัวแทนประกันของไชน่า ไลฟ์ได้ แต่ในเวลาต่อมาได้พิสูจน์แล้วว่าแนวคิดนี้ไม่ถูกต้องเนื่องจากมีระเบียบใหม่ในการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมา
คณะกรรมการกำกับดูแลด้านธนาคารและการประกันภัยของจีน (CBIRC) ได้เผยแพร่ระเบียบเมื่อปี 2564 ซึ่งกำหนดให้ ธนาคารและสถาบันการเงินที่รับฝากเงินเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย WMP ได้
แหล่งข่าวคนหนึ่งได้พูดถึงสถานะของการหารือเรื่องการร่วมทุนว่า ยังคงมีการผลักดันในเรื่องนี้อยู่แต่มีความคืบหน้าน้อยกว่าที่คาด
UBS กำลังหาทางที่จะถือหุ้นใหญ่ในบริษัทร่วมทุน ซึ่งได้รับอนุญาตจากจีนในการเป็นหุ้นส่วนมาตั้งแต่ปี 2562 หลังจากที่ในปี 2561 จีนอนุญาตให้ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ ที่มีสิทธิ์จัดตั้ง “บริษัทบริหารความมั่งคั่ง” ในบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่สำคัญได้ ตามส่วนหนึ่งของการรณรงค์เพื่อบีบธนาคารเงาที่มีความเสี่ยง
การให้ความมั่นใจจองรัฐบาลปักกิ่งเพื่อล่อนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจนี้ ได้ทำให้เกิดข้อตกลงของบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกจำนวนมากเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ถือหุ้นใหญ่กับธนาคารจีน ซึ่งรวมถึงแบล็กร็อก อมันดี ชโรเดอร์ และโกลแมน แซคส์
ในขณะเดียวกัน ไชน่า ไลฟ์ อินชัวรันซ์ได้แจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า กำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามที่คาดเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงและมีการโยกย้ายของตัวแทนจนส่งผลกระทบต่อยอดขาย
กำไรสุทธิของไชน่า ไลฟ์ อินชัวรันซ์ เพิ่มขึ้น 1.3% เป็น 50,900 ล้านหยวน ในขณะที่นักวิเคราะห์จากผลสำรวจของบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้เฉลี่ย 57,500 ล้านหยวน
เศรษฐกิจที่เย็นลงของจีนและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงได้ลดความต้องการประกันชีวิตและยับยั้งผลตอบแทนจากการลงทุน ในปีนี้ ไชน่า ไลฟ์ ยังจำเป็นต้องจำกัดผลกระทบใดๆ จากการสอบสวนอดีตประธาน หวาง บินด้วยในขณะที่ ผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ที่พุ่งสูงขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะขัดขวางอีกครั้งต่อความพยายามตั้งแต่ปี 2561 ที่จะมุ่งเน้นไปที่กรมธรรม์ระยะยาวที่มีอัตรากำไรสูงกว่า
เบี้ยประกันจากกรมธรรม์ใหม่ของไชน่า ไลฟ์ ลดลง 9% เหลือ 176,000 ล้านหยวน ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่ซึ่งวัดความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของกรมธรรม์ดังกล่าว ลดลง 23% ทั้งปี มากกว่าที่ลดลง 20% ในช่วง 9 เดือนแรก
อย่างไรก็ดี บริษัท กล่าวว่า การลดลงมีความเหมาะสม เนื่องจากเป็นผลลัพธ์ที่เอาชนะได้ยาก และระบุว่า มี “แรงกดดันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ในอุตสาหกรรมประกัน เนื่องจากอุปสงค์ลดลงและพลังของตัวแทนขายหดตัวลง
ส่วนรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น 15 % เป็น 178,000 ล้านหยวน ขณะที่กำไรสุทธิที่ได้รับจากสินทรัพย์ทางการเงินเพิ่มขึ้น 40% และกำไรมูลค่าที่เป็นธรรมลดลง 77%
ก่อนหน้านี้ผิงอัน อินชัวรันซ์ กรุ๊ป ก็รายงานว่ากำไรในปีที่แล้วลดลง 29% หลังจากที่บันทึกด้อยค่าการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com